ผลการศึกษาใหม่พบว่า ป่าฝนเขตร้อนในออสเตรเลีย กลายเป็นป่าแห่งแรกของโลกที่คายก๊าซคาร์บอนออกมามากกว่าที่ดูดซับเข้าไป โดยเป็นผลจากภาวะโลกร้อน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 16 ต.ค. 2568 ว่า ผลการศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสาร “Nature” ระบุว่า ป่าฝนเขตร้อนในประเทศออสเตรเลีย กลายเป็นป่าแห่งแรกของโลกที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนออกมาในปริมาณมากกว่าที่ดูดซับเข้าไป โดยเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยปกติแล้ว ป่าฝนถือเป็น "แหล่งกักเก็บคาร์บอน" (carbon sinks) เนื่องจากพวกมันดูดซับก๊าซคาร์บอนได้มากกว่าที่ปล่อยออกมา โดยต้นไม้ใหม่จะช่วยชดเชยคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากต้นไม้ที่ตายแล้ว
แต่การศึกษาล่าสุดซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจากป่าในรัฐควีนส์แลนด์ พบว่า อุณหภูมิที่สูงมากทำให้ จำนวนต้นไม้ที่ตายมีมากกว่าจำนวนต้นไม้ที่กำลังเติบโต
หัวหน้าคณะวิจัยของการศึกษานี้ กล่าวว่า ผลการวิจัยดังกล่าวมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก เนื่องจากความพยายามดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ระบบนิเวศ เช่น ป่าฝน สามารถดูดซับคาร์บอนได้
ดร. ฮันนาห์ คาร์ล จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ซิดนีย์ กล่าวว่า "แบบจำลองในปัจจุบันอาจประเมินความสามารถของป่าเขตร้อน เรื่องการช่วยชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล สูงเกินไป"
รายงานพบว่า ด้วยจำนวนต้นไม้ใหม่ที่น้อยลง ลำต้นและกิ่งก้านของต้นไม้ที่ตายแล้ว หรือที่เรียกว่า ชีวมวลเนื้อไม้ (woody biomass) ได้กลายมาเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอน แทนที่จะเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนตั้งแต่เมื่อประมาณ 25 ปีก่อน
ดร. คาร์ล กล่าวว่า "ป่าไม้ช่วยยับยั้งผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์บางส่วนที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่งานของเราแสดงให้เห็นว่ากระบวนการนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย"
...
ดร. คาร์ล เสริมว่า การที่จำนวนต้นไม้ตายเพิ่มขึ้น ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานั้นเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างรุนแรง, ความแห้งแล้งในชั้นบรรยากาศ และภัยแล้ง
ข้อมูลจากป่า 20 แห่งในรัฐควีนส์แลนด์ ที่เก็บมาตลอดระยะเวลา 49 ปีชี้ว่า จำนวนของพายุไซโคลนที่เพิ่มขึ้น และความรุนแรงของพายุที่มากขึ้น กำลังทำให้มีต้นไม้ตายมากขึ้น และทำให้ต้นไม้ใหม่เติบโตได้ยากขึ้น
ดร. คาร์ล กล่าวว่า "ในการศึกษานี้ เรามีหลักฐานว่าป่าเขตร้อนชื้นของออสเตรเลีย เป็นป่าแห่งแรกในโลกที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง [ชีวมวลเนื้อไม้] เช่นนี้ ... และนั่นมีความสำคัญอย่างแท้จริง มันอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยอันตรายที่กำลังจะมาถึงก็เป็นได้"
ด้านแพทริก เมียร์ ผู้เขียนอาวุโสของรายงานการศึกษานี้ระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น "น่ากังวลอย่างยิ่ง" และบอกกับสำนักข่าว เอเอฟพี ว่า "เป็นไปได้ที่ป่าเขตร้อนทั้งหมดจะตอบสนองในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน" แต่เสริมว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลและการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประเมินอย่างยุติธรรม
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยมลพิษต่อจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก โดยพวกเขาเพิ่งประกาศเป้าหมายการลดคาร์บอนใหม่ โดยให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 62% เมื่อเทียบกับระดับในปี 2005 ในช่วงทศวรรษหน้า
อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียยังคงเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วโลก ที่พวกเขาพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลเพิ่งอนุญาตให้โครงการก๊าซที่ใหญ่ที่สุดโครงการหนึ่งของประเทศ คือ North West Shelf ของบริษัท Woodside สามารถดำเนินการต่อไปได้อีก 40 ปี
รายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนกันยายน พบว่าออสเตรเลียมีอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5 องศาเซลเซียส พร้อมเตือนว่า ไม่มีชุมชนใดที่จะรอดพ้นจากความเสี่ยงด้านสภาพอากาศที่ "ต่อเนื่อง, ซับซ้อน และเกิดขึ้นพร้อมกัน" ได้
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc