ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า ได้อนุมัติให้หน่วยข่าวกรองกลาง (CIA) ดำเนินปฏิบัติการลับในประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งถือเป็นการยกระดับแรงกดดันต่อรัฐบาลของประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร โดยรายงานของ นิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวอาจครอบคลุมถึงการดำเนินการเชิงลับในลาตินอเมริกาและแคริบเบียน รวมถึงการใช้กำลังรุนแรงได้ในบางกรณี

ทรัมป์ให้เหตุผลว่า สาเหตุหลักในการอนุมัติครั้งนี้คือการอพยพของชาวเวเนซุเอลาเข้าสู่สหรัฐฯ และการลักลอบค้ายาเสพติด พร้อมกล่าวหาว่า “รัฐบาลเวเนซุเอลาได้ปล่อยนักโทษออกจากคุกและปล่อยให้เข้ามาในอเมริกา” แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันข้อกล่าวหานี้

เมื่อถูกถามว่า CIA มีอำนาจในการประหารชีวิตมาดูโรหรือไม่ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะตอบโดยตรง โดยกล่าวเพียงว่า "ผมคิดว่าเวเนซุเอลากำลังรู้สึกได้ถึงความร้อนแรง"

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้สั่งการให้มีการเสริมกำลังทหารสหรัฐฯ จำนวนมากในแถบตอนใต้ของทะเลแคริบเบียน และกองทหารได้ดำเนินการโจมตีเรืออย่างน้อย 5 ลำ ที่รัฐบาลทรัมป์อ้างว่าเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามใช้แสนยานุภาพทางทหารในรูปแบบใหม่ที่ถูกตั้งคำถามทางกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง.

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทรัมป์เสนอเงินรางวัล 50 ล้านดอลลาร์ สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมและตัดสินลงโทษมาดูโรในข้อหาค้ายาเสพติด นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้ขยายการเคลื่อนไหวทางทหารในทะเลแคริบเบียนและอ้างว่ามีการโจมตีเรือที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดอย่างน้อย 5 ครั้ง แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยัน

รัฐบาลเวเนซุเอลาประณามการตัดสินใจของสหรัฐฯ ว่าเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ” และพยายามใช้เป็นข้ออ้างเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองและยึดครองทรัพยากรน้ำมัน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ อีวาน กิล ระบุว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเลขาธิการยูเอ็น

...

ขณะเดียวกัน สมาชิกสภาคองเกรสบางรายได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงรายละเอียดของปฏิบัติการ หลังมีความกังวลว่าสหรัฐฯ อาจกำลังก้าวเข้าสู่ความขัดแย้งใหม่โดยไม่ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส โดยวุฒิสมาชิกจีนน์ ชาฮีน กล่าวเตือนว่า "ประชาชนอเมริกันมีสิทธิที่จะรู้ว่ารัฐบาลกำลังนำประเทศเข้าสู่สงครามอีกครั้งหรือไม่"


ที่มา Reuters