เหตุระเบิดทุ่นสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยบาดเจ็บและลุกลามเป็นการปะทะกันนาน 5 วัน ถูกผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสงสัยว่าเกิดจาก "ทุ่นระเบิดใหม่" ชนิด PMN-2 ที่อาจเพิ่งถูกนำมาฝังไว้ แม้ทั้งสองประเทศต่างปฏิเสธการใช้และครอบครองตามอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่เกิดการระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ใกล้แนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ จนกลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดการปะทะกันนาน 5 วัน และต้องมีการเจรจาหยุดยิงโดยมีสหรัฐฯ เป็นคนกลาง ยังได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการทูตในประเด็นการใช้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล PMN-2 ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่ผลิตในยุคโซเวียต และเป็นชนิดที่ทั้งไทยและกัมพูชาให้คำมั่นตามสนธิสัญญาว่าจะไม่นำมาใช้

ไทยกล่าวหากัมพูชา ว่าเป็นผู้ฝังทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน และอ้างว่าทุ่นระเบิด PMN-2 ได้ทำร้ายทหารไทยไปแล้วอย่างน้อย 6 นาย นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยกล่าวว่าทหารไทยเหยียบโดนทุ่นระเบิดที่ไม่ใช่ชนิด PMN-2 ซึ่งถูกฝังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองที่กินเวลาหลายสิบปีในอดีต

สำนักข่าวรอยเตอร์สได้ส่งภาพถ่ายและวิดีโอปฏิบัติการกู้ทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ถ่ายโดยทหารไทยในพื้นที่เกิดเหตุ ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิดอิสระ 4 ราย ทำการตรวจสอบ โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดให้ความเห็นว่า ภาพดังกล่าวแสดงถึงทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ที่ "เพิ่งถูกฝังใหม่"

นายแอนดรูว์ เวียน สมิธ ผู้เชี่ยวชาญอิสระจากสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สภาพของทุ่นระเบิดบ่งชี้ว่ามันอยู่ในพื้นดินมาไม่นานเกิน 2-3 เดือน เพราะทุ่นระเบิด PMN-2 ที่เก่ากว่าจะมีปลอกพลาสติกที่เปราะบางลงตามเวลา และแผ่นยางรองจะซีดจางและมีสิ่งสกปรกสะสม แต่ทุ่นระเบิดที่เห็นในภาพ "ไม่มีอะไรในช่องว่างเหล่านั้นเลย"

...

ขณะที่ นายเยชัว โมเซอร์-ปวงสุวรรณ จากองค์กร Landmine Monitor กล่าวว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวไม่ได้ถูกคลุมด้วยรากไม้และพืชพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นหากทุ่นถูกฝังมาเป็นเวลานาน

สำนักงานดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแห่งกัมพูชา (CMAA) โต้แย้งว่า การพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวไม่สามารถเป็นข้อสรุปอายุที่แน่ชัดของทุ่นระเบิดได้ โดย นายลี ทุช รองประธาน CMAA กล่าวว่า ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม การกัดเซาะของดิน หรือน้ำท่วม อาจทำให้ทุ่นระเบิดที่ถูกฝังมานานดูเหมือนใหม่ได้

ทั้งนี้ กัมพูชาได้แสดงจุดยืนเป็นผู้สนับสนุนการต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดทั่วโลก และได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอด 30 ปีที่ผ่านมา การใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหลายหมื่นคนตั้งแต่ปี 1979 จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังและขัดแย้งกับพันธกิจที่ได้ให้ไว้

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยยืนยันว่า ผลการสอบสวนของไทยระบุว่า ทุ่นระเบิดที่ทำร้ายทหารไทยเป็น PMN-2 ที่เพิ่งถูกฝังใหม่ โดยไทยกล่าวว่าตนไม่เคยมีการนำทุ่นระเบิด PMN-2 ไปใช้

ปัจจุบัน ไทยกำลังใช้ช่องทางทางการทูตผ่านอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล โดยได้ร้องขอไปยัง นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ให้ขอให้กัมพูชาตอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงนี้

ทางด้านกัมพูชาชี้แจงว่า กองทัพกัมพูชาไม่มีคลังสะสมทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ และพร้อมสำหรับการสอบสวนที่เป็นกลางโดยบุคคลที่สาม.


ที่มา Reuters