รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมส่งคณะทำงานร่วม เดินทางไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในเย็นวันนี้ เพื่อหารือกับทางการกัมพูชาในระดับสูง เร่งรัดการสอบสวนคดีอาชญากรรมที่มักเกิดกับชาวเกาหลีใต้ ทั้งการหลอกลวงงาน การลักพาตัว รวมถึงคดีนักศึกษาเกาหลีที่ถูกทรมานจนเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคม พร้อมหารือแผนส่งตัวผู้ต้องขังชาวเกาหลีที่ถูกจับกุมในคดีฉ้อโกงออนไลน์กลับประเทศ

คณะทำงานร่วมชุดนี้ นำโดย คิม จิน-อา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่ 2 และมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (NIS) เข้าร่วมด้วย

ภารกิจหลักของคณะทำงานคือการ เข้าพบและหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา เพื่อเรียกร้องความร่วมมือในการสอบสวนคดีและหารือเรื่องการสอบสวนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีนักศึกษาเกาหลีใต้ที่ถูกทรมานจนเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้ จะมีการประสานงานเรื่องแผนการส่งตัวชาวเกาหลีใต้ที่ถูกกัมพูชาควบคุมตัวในข้อหาผิดกฎหมายกลับประเทศ โดยปัจจุบันมีชาวเกาหลีใต้ 63 คน ถูกคุมขังอยู่ในกัมพูชาในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับ การฉ้อโกงทางออนไลน์ ซึ่งมีรายงานว่าส่วนหนึ่งเข้าร่วมโดยสมัครใจ เบื้องต้นมีแผนจะนำตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับกลับประเทศก่อน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าชาวเกาหลีใต้จำนวนมากในกลุ่มนี้ แสดงความจำนงที่จะยังคงอยู่ในกัมพูชา ทำให้การส่งตัวกลับอย่างรวดเร็วยังคงไม่แน่นอน

กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ประเมินว่า ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 80 คน ที่เดินทางไปกัมพูชาแล้วไม่สามารถติดต่อหรือยืนยันความปลอดภัยได้ โดยเชื่อว่าในจำนวนนี้อาจมีทั้งผู้ที่ถูกกักขังและลักพาตัว รวมถึงกลุ่มมิจฉาชีพ ที่จงใจตัดการติดต่อไปด้วย

...

จำนวนการร้องเรียนคดีถูกกักขังได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเพียง 17 คดี ในปี 2023 เป็น 220 คดี ในปีที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศเชื่อว่าสาเหตุมาจากการที่กลุ่มมิจฉาชีพได้ย้ายฐานปฏิบัติการมายังประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่การเดินทางง่ายกว่า หลังจากที่พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำบริเวณชายแดนพม่า ลาว และไทย ถูกกำหนดให้เป็นเขตห้ามเดินทางเมื่อต้นปี 2023

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ารัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณาส่ง นายพัค อิล อดีตเอกอัครราชทูตประจำเลบานอน ไปปฏิบัติหน้าที่ในกัมพูชา เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการสถานการณ์แทนตำแหน่งเอกอัครราชทูตคนปัจจุบันที่ว่างลงในขณะนี้.


ที่มา Yonhap