(ภาพจาก AKP News Agency homepage /Yonhap)
ทางการกัมพูชาตั้งข้อหา 3 ชาวจีน ที่ถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัย ลักพาตัวและฆาตกรรมนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ จนจุดชนวนปัญหาระหว่างประเทศ
สำนักข่าว โชซอน อิลโบ (Chosun Ilbo) ของเกาหลีใต้ รายงานว่า ทางการกัมพูชาจับกุมตัวสมาชิก 3 คนขององค์กรอาชญากรรมชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (voice phishing) ในประเทศกัมพูชา พร้อมตั้งข้อหาในฐานะผู้ต้องสงสัยก่อเหตุทรมานและฆาตกรรมนักศึกษาเกาหลีใต้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน
หนึ่งผู้ถูกจับกุม ถูกสงสัยว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง "คดีเครื่องดื่มยาเสพติดกังนัม" ในปี 2566 ที่คนร้ายแจกเครื่องดื่มยาเสพติดให้นักเรียน 13 คน ในย่านการศึกษา แดชี-ดง เขตคังนัม กรุงโซล โดยอ้างว่าเป็นการให้ชิมฟรี ซึ่งตอนนี้ตำรวจเกาหลีใต้ได้เริ่มทำการสืบสวนแล้ว
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนที่ตั้งฐานอยู่ในกัมพูชา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังมุ่งเป้าหมายโจมตีไปที่ชาวเกาหลีใต้และทำให้จำนวนคดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สำนักงานอัยการของศาลประจำจังหวัดกำปอต ในกัมพูชา เปิดเผยว่า ชาวจีน 3 คนถูกจับตัวได้ต่อเนื่องกัน และถูกตั้งข้อหาเมื่อวันที่ 11 ต.ค. จากกรณีการฆาตกรรมนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ นามสมมติว่านาย “เอ” อายุ 22 ปี ผู้ถูกพบเป็นศพภายในรถยนต์คันหนึ่ง ใกล้ภูเขาบกกอร์ (Bokor Mountain) จังหวัดกำปอต เมื่อวันที่ 8 ส.ค.
ในเดือนเดียวกันนั้น ตำรวจท้องถิ่นจับกุมตัวชาวจีน 2 คนได้ในที่เกิดเหตุ โดยอยู่ในรถยนต์ที่พบศพของนาย เอ นอกจากนั้น ระหว่างการสืบสวนคดีในอาคารที่พักอาศัยในพื้นที่ภูเขาบกอร์ ซึ่งเป็นที่ที่นาย เอ ถูกขังเอาไว้ก่อนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จับกุมชาวจีนได้เพิ่มอีก 1 คน และการสอบสวนยังคงดำเนินมาจนถึงเมื่อไม่นานมานี้
...
ตำรวจกัมพูชาได้ค้นพบหลักฐานว่าสมาชิกขององค์กรอาชญากรรมชาวจีนกลุ่มนี้ได้ก่ออาชญากรรมต่างๆ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (voice phishing) และการหลอกให้รัก หรือ โรแมนซ์สแกม (romance scams) อยู่ที่อาคารที่พักอาศัยดังกล่าว ต่อมาตำรวจท้องถิ่นได้ปิดล้อมอาคารและเข้ายึดหลักฐาน ซึ่งระหว่างนั้น มีชาวเกาหลีใต้ 14 คนที่ถูกจับตัวไว้ ได้รับความช่วยเหลือ
ผู้เสียหายอีกราย นามสมมติว่านาย บี ถูกจับไว้ที่อาคารเดียวกับนาย เอ ให้ข้อมูลกับสำนักงานของ ส.ส. พัค ชัน-แด แห่งพรรคประชาธิปัตย์เกาหลี ซึ่งติดตามคดีของนาย เอ หลังจากได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจากครอบครัวของเหยื่อ
นาย บี ระบุว่า "นาย เอ ถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนหายใจแทบไม่ไหว ผมได้ยินมาว่าเขาเสียชีวิตในรถขณะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล"
ทั้งนี้ นาย เอ จากเมืองเยชอน จังหวัดคยองซังเหนือ ได้เดินทางไปกัมพูชาเมื่อวันที่ 17 ก.ค. โดยบอกครอบครัวว่าจะไปร่วมงานเทศกาล แต่ราว 1 สัปดาห์หลังจากนั้น ครอบครัวของเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลปริศนา เรียกค่าไถ่เป็นจำนวน 50 ล้านวอน (ราว 1.15 ล้านบาท) โดยอ้างว่านักศึกษาคนนี้ "ก่อปัญหา" แต่ไม่ระบุว่าปัญหาดังกล่าวคืออะไร
แต่การติดต่อก็ถูกตัดขาดไปใน 4 วันต่อมา และสุดท้าย นาย เอ ก็ถูกพบเป็นศพในวันที่ 8 ส.ค. โดยการชันสูตรเบื้องต้นชี้ว่า เขาเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจวายเพราะความเจ็บปวดจากการถูกทรมาน
ร่างของนาย เอ ถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญมานานร่วม 2 เดือนแล้ว และเกาหลีใต้วางแผนจะส่งตำรวจไปยังกัมพูชาภายในเดือนนี้ เพื่อดำเนินการชันสูตรศพของนาย เอ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา
เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางท่ามกลางการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอาชญากรรมที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีในกัมพูชา
ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ที่ยื่นต่อ ส.ส. พัค ชาน-แด จากพรรคประชาธิปไตยเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล พบว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคมของปีนี้ เกิดคดีลักพาตัวหรือการกักขังชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาถึง 330 คดี เพิ่มขึ้นจาก 221 คดีในปี 2567, 21 คดีในปี 2566, 11 คดีในปี 2565 และ 4 คดีในปี 2564
จำนวนคดีที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจจุดชนวนปัญหาทางการทูตระหว่างเกาหลีใต้กับกัมพูชา โดยเมื่อวันศุกร์ กระทรวงต่างประเทศเรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบ เพื่อแสดงความกังวล และขอให้รัฐบาลกัมพูชาร่วมมือกับทางการเกาหลีใต้ในการจัดตั้ง แผนกเกาหลี เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ยังประกาศยกระดับการแจ้งเตือนสำหรับการเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ และอีกหลายเมืองในกัมพูชา จากเดิมอยู่ที่ระดับ 2 ให้เป็นระดับ “พิเศษ” ซึ่งหมายความว่า ให้พลเรือนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองที่ถูกประกาศ หรือให้พลเรือนออกจากเมืองดังกล่าวหากอยู่ที่นั่น โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในเวลา 21.00 น. วันศุกร์ (10 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : chosun