หน่วยยามฝั่งของฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า เรือของหน่วยยามฝั่งจีนได้ใช้ ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และ พุ่งชน เรือของรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่จอดทอดสมออยู่บริเวณนอกชายฝั่งเกาะแห่งหนึ่งในทะเลจีนใต้ ที่มีข้อพิพาทเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ที่ผ่านมา ส่งผลให้เรือได้รับความเสียหายเล็กน้อย ขณะที่ทั้งสองประเทศต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง

โดยเรือที่ได้รับความเสียหายในเหตุการณ์ครั้งนี้คือเรือบีอาร์พี ดาตู ปักบัวยา (BRP Datu Pagbuaya) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือประมงที่ให้การสนับสนุนชาวประมงฟิลิปปินส์ แม้เรือได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บในหมู่ลูกเรือชาวฟิลิปปินส์

โฆษกหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ พลเรือจัตวา เจย์ ทาร์ริเอลา เปิดเผยว่า เรือของหน่วยยามฝั่งจีนพุ่งเป้าโจมตีเรือปักบัวยานอกชายฝั่ง เกาะติตู (Thitu) หรือที่ฟิลิปปินส์เรียกว่า ปักอาซา (Pag-asa) ซึ่งเป็นเกาะที่มีชาวฟิลิปปินส์อาศัยอยู่ โดยเหตุปะทะครั้งนี้เกิดขึ้นห่างจากเกาะติตูเพียง 1.6 ไมล์ทะเล (เกือบ 3 กิโลเมตร)

นอกเหนือจากเรือปักบัวยาแล้ว เรือประมงของฟิลิปปินส์อีก 2 ลำ ก็ถูกปืนฉีดน้ำแรงดันสูงของจีนโจมตีเช่นกัน แต่ไม่มีความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ

พลเรือจัตวา ทาร์ริเอลา กล่าวว่า เรือปักบัวยาและเรือของสำนักประมงและทรัพยากรทางน้ำอีก 2 ลำ กำลังจอดทอดสมออยู่ในน่านน้ำอาณาเขตของเกาะติตู เมื่อเรือของหน่วยยามฝั่งจีนและเรือที่ต้องสงสัยว่าเป็นกองกำลังอาสาสมัครทางทะเลได้เข้าใกล้และแสดง "การซ้อมรบที่อันตรายและยั่วยุ"

เรือหน่วยยามฝั่งจีนหมายเลข 21559 ได้ยิงปืนฉีดน้ำใส่เรือปักบัวยาโดยตรง จากนั้นสามนาทีต่อมาก็ได้ "พุ่งชนเข้าที่ท้ายเรือ" ทำให้เรือได้รับความเสียหายเชิงโครงสร้างเล็กน้อย แต่ลูกเรือไม่บาดเจ็บ

...

หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ได้เผยแพร่วิดีโอที่แสดงให้เห็นเรือยามฝั่งจีนยิงปืนฉีดน้ำเข้าใส่เรือฟิลิปปินส์ ซึ่งโดนธงชาติฟิลิปปินส์ทั้งสองผืนที่ติดอยู่บนเรือ

ด้านหน่วยยามฝั่งจีนได้กล่าวหาว่าเรือของฟิลิปปินส์ "เข้าสู่น่านน้ำของจีนโดยผิดกฎหมาย" ใกล้กับสันทรายที่เรียกว่า แซนดี้ เคย์ (Sandy Cay) โดยกล่าวว่าเรือฟิลิปปินส์ "เพิกเฉยต่อการเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า" และได้ใช้มาตรการควบคุมต่อเรือของฟิลิปปินส์ตามกฎหมายและขับไล่ออกไปอย่างเด็ดขาด

หลิว เต๋อจวิน โฆษกหน่วยยามฝั่งจีน กล่าวว่าเรือฟิลิปปินส์ลำหนึ่งเข้าใกล้เรือยามฝั่งจีนอย่างอันตรายจนเกิดการเฉี่ยวชนกัน โดยระบุว่า ความรับผิดชอบทั้งหมดเป็นของฝ่ายฟิลิปปินส์ และเตือนให้ฟิลิปปินส์ "ยุติการละเมิดและการคุกคามทันที"

เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในหมู่เกาะสแปรตลี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีข้อพิพาทมากที่สุดในทะเลจีนใต้ โดยจีนอ้างสิทธิ์เหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมด แม้ว่าคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเมื่อปี 2016 จะตัดสินให้ข้ออ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของจีนเป็นโมฆะก็ตาม.


ที่มา AP