ประธานาธิบดีมาดากัสการ์ออกมาเปิดเผยว่า กำลังเกิดความเคลื่อนไหวเพื่อยึดอำนาจในประเทศด้วยการใช้กำลัง ขณะที่หน่วย CAPSAT อ้างว่า พวกเขายึดการควบคุมกองทัพได้แล้ว
เมื่อ 12 ต.ค. 2568 สำนักงานประธานาธิบดี อันดรี ราโจเอลินา แห่งมาดากัสการ์ ได้ออกแถลงการณ์ว่า ขณะนี้กำลังเกิดความพยายามยึดอำนาจอย่างผิดกฎหมายโดยใช้กำลัง เกิดขึ้นในประเทศ หลังจากรัฐบาลเผชิญการประท้วงของประชาชนหนุ่มสาว ซึ่งเรียกร้องให้ประธานาธิบดีลาออก
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หน่วยทหารที่รู้จักกันในชื่อ “แคปแซต” (CAPSAT) ได้อ้างว่าพวกเขายึดการควบคุมกองบัญชาการทหารไว้ได้แล้ว และขณะนี้พวกเขาควบคุมกองทัพทั้งหมด ทั้งทัพบก ทัพอากาศ และทัพเรือ
หน่วยแคปแซต เป็นทหารหน่วยเดียวกันกับที่มีบทบาทสำคัญในวิกฤตการณ์ทางการเมืองมาดากัสการ์เมื่อปี 2552 ซึ่งช่วยให้นายราโจเอลินาก้าวขึ้นสู่อำนาจ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มเยาวชนเริ่มการประท้วงเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ภายใต้ชื่อ “Gen Z Mada” เพื่อต่อต้านปัญหาการขาดแคลนน้ำและไฟฟ้า แต่การประท้วงได้ขยายวงกว้างขึ้น สะท้อนถึงความไม่พอใจเป็นวงกว้างต่อรัฐบาลของนายราโจเอลินาในเรื่องต่างๆ เช่น อัตราการว่างงานที่สูง, การทุจริตคอร์รัปชัน และวิกฤตค่าครองชีพ
นายราโจเอลินาระบุในแถลงการณ์ว่า "ขณะนี้มีความพยายามที่จะยึดอำนาจ ในอาณาเขตของสาธารณรัฐ ซึ่งเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง"
เขายังขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า เป็นความพยายามบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศ และเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนหลักของประเทศรวมกันเป็นหนึ่งในการปกป้องรัฐธรรมนูญ และอำนาจอธิปไตยของชาติ
...
ด้านหน่วยแคปแซตแถลงผ่านเพจเฟซบุ๊กของตัวเองว่า พวกเขาได้แต่งตั้ง พลเอก เดโมสเตน พิคูลัส ให้เป็นผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่แล้ว ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า นายมานันต์โซอา เดรามาซินจาคา ราโคโทอาริเวโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกองทัพ ได้ยอมรับการแต่งตั้งดังกล่าวแล้ว
ในวันเดียวกัน ผู้ประท้วงได้รวมตัวกันที่จัตุรัสหลักในกรุงอันตานานาริโว เมืองหลวงของมาดากัสการ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันแล้ว และนี่ถือเป็นความคืบหน้าที่สำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงจัตุรัส 13 พฤษภาคม (May 13 Square) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการลุกฮือครั้งก่อนๆ ได้เลย
ผู้ประท้วงรายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวบีบีซี ว่า ในที่สุดพวกเขาก็พิชิตจัตุรัส 13 พฤษภาคม ซึ่งเป็นจัตุรัสแห่งประชาธิปไตยได้แล้ว "พวกเรามีความสุขและโล่งใจ นี่คือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เราจะไม่หยุดการต่อสู้จนกว่าประธานาธิบดีราโจเอลินา จะลาออก"
ความสำเร็จของผู้ประท้วงเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาได้รับ “การสนับสนุนอย่างไม่คาดคิด” จากหน่วยแคปแซต เมื่อวันเสาร์ (11 ต.ค.) เมื่อทหารบางส่วนของหน่วยได้ออกจากค่ายทหารเพื่อเข้าร่วมการประท้วง โดยหน่วยแคปแซต ประณามหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ ที่ใช้กำลังกับผู้ประท้วง
นอกจากนั้น มีรายงานด้วยว่า เกิดการยิงปะทะที่ค่ายของหน่วยแคปแซต ทั้งในวันเสาร์และวันอาทิตย์ โดยมีทหารนายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต
ด้านสายการบินแอร์ฟรานซ์ ระบุว่า พวกเขาระงับเที่ยวบินไปยังกรุงอันตานานาริโวอย่างน้อยจนถึงวันอังคาร (14 ต.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ด้านความมั่นคง
ก่อนหน้านี้ นายโวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้กองกำลังความมั่นคงหยุดใช้ "กำลังที่ไม่จำเป็นและไม่สมสัดส่วน" เพื่อปราบปรามความไม่สงบ โดยเขากล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย และบาดเจ็บอีก 100 รายแล้ว
แต่นายราโจเอลินาออกมาโต้แย้งตัวเลขดังกล่าว โดยระบุว่า มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันเพียง 12 ราย เท่านั้น และบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดเป็นผู้ที่ก่อการปล้นสะดมและทำลายทรัพย์สิน
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc