รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบ เพื่อแสดงความกังวลกรณีนักศึกษาเกาหลีใต้ถูกสังหารในกัมพูชา และหลอกลวงที่มุ่งเป้าหมายไปที่ชาวเกาหลีใต้ พร้อมยกระดับเตือนการเดินทาง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2568 กระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้เรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบ เพื่อประท้วงกรณีการฆาตกรรมนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ในประเทศกัมพูชา และได้ยกระดับการแจ้งเตือนสำหรับการเดินทางไปกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เนื่องจากคดีหลอกลวงทางออนไลน์ที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้

นาย โช ฮยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้แสดงความกังวลต่อ นายควน โพน รัตนาก เอกอัครราชทูตกัมพูชา เรื่องการหลอกลวงเรื่องงานและการควบคุมตัวพลเมืองชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาเร่งออกมาตรการที่รวดเร็วและปฏิบัติได้จริงเพื่อกำจัดการหลอกลวงทางออนไลน์

ด้านนายควนกล่าวว่า เขาเข้าใจถึงความกังวลและจุดยืนของรัฐบาลเกาหลีใต้ และจะรายงานเรื่องนี้ให้รัฐบาลของเขาทราบ

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่า นักศึกษาหนุ่มชาวเกาหลีใต้วัย 23 ปี เดินทางไปยังกัมพูชาเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม โดยบอกกับครอบครัวในเมืองเยชอน จังหวัดคยองซังเหนือ ว่า จะเดินทางไปร่วมงานนิทรรศการ

แต่ 1 สัปดาห์ต่อมา ครอบครัวของนักศึกษาหนุ่มรายนี้ก็ได้รับโทรศัพท์จากชายปริศนา พูดภาษาเกาหลีสำเนียงจีนอ้างว่า พวกเขาจับตัวนักศึกษารายนี้เอาไว้ พร้อมเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 50 ล้านวอน (ราว 1.15 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการปล่อยตัว

ครอบครัวของนักศึกษาหนุ่มรีบแจ้งต่อสถานทูตกัมพูชาและตำรวจทันที แต่การติดตามคดีเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนกระทั่งในวันที่ 8 ส.ค. มีการพบศพนักศึกษารายนี้ใกล้กับภูเขาบกกอร์ จังหวัดกำปอต เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกับสถานทูตกัมพูชายืนยันว่า เขาเสียชีวิตจากการหัวใจวายเนื่องจากการทรมานและความเจ็บปวดแสนสาหัส

...

ในแถลงการณ์อีกฉบับเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค. 2568) กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ประกาศยกระดับการแจ้งเตือนสำหรับการเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ จากเดิมอยู่ที่ระดับ 2 ให้เป็นระดับ “พิเศษ” โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในเวลา 21.00 น.วันเดียวกันนี้ตามเวลาท้องถิ่น

ทั้งนี้ คำเตือนการเดินทางระดับ “พิเศษ” ของเกาหลีใต้ เทียบเท่ากับระดับ 2.5 จากทั้งหมด 4 ระดับ หมายความว่า ให้พลเรือนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองที่ถูกประกาศ หรือให้พลเรือนออกจากเมืองดังกล่าวหากอยู่ที่นั่น โดยจะมีผลบังคับใช้นาน 90 วัน และสามารถขยายเวลาได้หากจำเป็น


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : reuters , koreatimes