คนงานฟาร์มหมูแอฟริกาใต้ให้การต่อศาลในการสืบสวนคดีฆาตกรรมหญิงสาว 2 คนเมื่อปีก่อน โดยอ้างว่า เขาถูกนายจ้างบังคับให้ทิ้งศพ 2 สาวให้หมูกิน เพื่อทำลายหลักฐาน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายอาเดรียน เดอ เวต คนงานฟาร์มหมูชาวแอฟริกาใต้วัย 21 ปี พยานคดีฆาตกรรมหญิงผิวดำ 2 รายที่ฟาร์มหมูใกล้เมือง โปโลควาเน (Polokwane) ในจังหวัดลิมโปโป ทางเหนือของแอฟริกาใต้เมื่อปีก่อน ให้การในศาลสูงโปโลควาเน ในวันพฤหัสบดีที่ 9 ต.ค. 2568 โดยเขาเปิดเผยรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ
ในตอนแรก นาย เดอ เวต กับนาย ซาคาเรียฟ์ โยฮันเนส โอลิวิเยร์ นายจ้างของเขา กับชายอีกคนคือนาย วิลเลียม มูโซรา ถูกฟ้องร้องในข้อหาฆาตกรรม น.ส.มาเรีย มัคกาโต อายุ 45 ปี กับ น.ส.ลูเซีย เอ็นโดลวู อายุ 34 ปี ซึ่งบุกรุกเข้ามาในสวนเพื่อหาอาหารเมื่อคืนวันที่ 17 ส.ค. 2567
อย่างไรก็ตาม นาย เดอ เวต ได้รับการยกฟ้องข้อหาฆาตกรรมและกลายมาเป็นพยานในคดีนี้
นายเดอ เวต ให้การในศาลว่า เขาเปิดฉากยิงไปที่หญิงทั้งสองคนพร้อมกับนายโอลิวิเยร์ ก่อนที่เขาจะได้รับคำสั่งให้กำจัดศพ ซึ่งนาย เดอ เวต ยืนยันว่า ตัวเขาถูกบังคับให้ทิ้งร่างในคอกหมู
ในคืนวันเกิดเหตุ ตัวเขากับนายโอลิวิเยร์ วัย 60 ปี ติดอาวุธด้วยปืนไรเฟิลล่าสัตว์ เฝ้ารอผู้บุกรุกเข้ามาในฟาร์ม โดยหลังจากรอประมาณ 30 นาที พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน และเดินมาทางพวกเขา ทั้งคู่จึงเปิดฉากยิงและได้ยินเสียงคนกรีดร้อง พวกเขาจึงเดินไปดูและพบร่างคนนอนคว่ำหน้าอยู่
หลังจากนั้น นายเดอ เวต กับนายโอลิวิเยร์ก็แยกย้ายกันกลับไปนอน ก่อนที่ในเช้าวันต่อมา พวกเขาจะพบว่า ร่างดังกล่าวเป็นศพผู้หญิง ซึ่งนายเดอ เวต อ้างว่า นายโอลิวิเยร์บอกให้เขาช่วยขนศพไปทิ้งไว้ในคอกซึ่งมีหมูอยู่ 8-10 ตัว
...
ในวันต่อมา พวกเขาก็พบศพผู้หญิงอีกรายอยู่ห่างจากจุดที่พบศพแรกประมาณ 25 ม. ซึ่งนายโอลิวิเยร์, นายเดอ เวต กับนายมูโซรา วัย 50 ปี ช่วยกันนำศพไปทิ้งในคอกหมูเช่นเดียวกับศพแรก
ต่อมาในวันอังคารที่ 20 ส.ค. 2567 ทั้งสามคนกลับไปที่คอกหมูและพบว่า หมูกัดกินศพของหญิงทั้ง 2 รายไปมากแล้ว โดยมีการเผยรูปสภาพศพในศาลด้วย
นายจอร์จ เซกูคูน อัยการรัฐ สอบถามนายเดอ เวต ว่า จุดประสงค์ของการนำศพไปไว้ในคอกหมูคืออะไร ซึ่งเขาตอบว่า เรากำลังทำลายหลักฐาน เพราะเมื่อหมูหิวจัดพอสมควร มันจะกินทุกอย่าง"
นายเดอ เวต ยังกล่าวอีกว่า นายโอลิวิเยร์ ได้ใช้เครื่องเจียร (angle grinder) ตัดปืนไรเฟิลล่าสัตว์ออกเป็นชิ้น ๆ และเผาชิ้นส่วนที่เป็นไม้ของปืน จากนั้นพวกเขาก็โยนอาวุธที่ถูกตัดเป็นชิ้น ๆ รวมถึงปลอกกระสุนที่ใช้แล้วลงไปในบ่อบาดาล
คดีนี้สร้างความไม่พอใจไปทั่วแอฟริกาใต้ และยิ่งตอกย้ำความตึงเครียดทางเชื้อชาติระหว่างคนผิวดำและคนผิวขาวในประเทศให้รุนแรงขึ้น และความตึงเครียดนี้รุนแรงเป็นพิเศษในพื้นที่ชนบทของประเทศ แม้ว่าระบบการแบ่งแยกเชื้อชาติที่เรียกว่า การถือผิว (apartheid) จะสิ้นสุดลงเมื่อ 30 ปีที่แล้วก็ตาม
ที่ดินทำกินส่วนบุคคลส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในมือของชนกลุ่มน้อยผิวขาว ในขณะที่คนงานในฟาร์มส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำและได้รับค่าจ้างต่ำ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชากรผิวดำ ขณะที่เกษตรกรผิวขาวหลายคนบ่นถึงอัตราการเกิดอาชญากรรมที่สูง
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc