ศาลสหรัฐฯ สั่ง "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" ชดใช้ 966 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ครอบครัวหญิงชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด หลังพบแป้งทาตัวมีแร่ใยหินปนเปื้อน ขณะที่บริษัทเตรียมยื่นอุทธรณ์ทันที

วันที่ 7 ตุลาคม 2568  ศาลในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ มีคำพิพากษาให้บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)  ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชภัณฑ์ จ่ายเงินชดเชยรวม 966 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 35,600 ล้านบาท ให้แก่ครอบครัวของนางเม มัวร์ หญิงชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเมโสธีลิโอมา (Mesothelioma) หรือมะเร็งเยื้อหุ้มปอดอักเสบ เมื่อปี 2564

โดยคณะลูกขุนตัดสินให้บริษัทจ่าย 16 ล้านดอลลาร์ เป็นค่าเสียหายเชิงชดเชย และ 950 ล้านดอลลาร์ เป็นค่าเสียหายเชิงลงโทษ หลังครอบครัวของผู้ตายยื่นฟ้องเมื่อปีเดียวกัน โดยอ้างว่าแป้งเด็กของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมี เส้นใยแร่ใยหิน (Asbestos) ปนเปื้อน ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งชนิดร้ายแรงที่เกิดบริเวณเยื่อหุ้มอวัยวะภายใน

อย่างไรก็ตาม นายอีริก ฮาส รองประธานฝ่ายคดีทั่วโลก ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แถลงว่า บริษัทจะอุทธรณ์ทันที พร้อมระบุว่าคำตัดสินไม่เป็นธรรมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวหาว่าทนายฝ่ายโจทก์ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เทียมที่ไม่ควรถูกนำเสนอในศาล 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทเผชิญคำสั่งจ่ายค่าเสียหายลักษณะนี้ โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2559 ศาลรัฐมิสซูรีเคยสั่งให้จ่ายเงิน 72 ล้านดอลลาร์ ให้ครอบครัวหญิงที่เสียชีวิตจากมะเร็งรังไข่ และในปี 2567 บริษัทก็ยอมจ่าย 700 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีหลอกลวงผู้บริโภคเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ หลังถูกสอบสวนโดยอัยการสูงสุด 43 รัฐ

...

ทั้งนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หยุดจำหน่ายแป้งเด็กที่มีส่วนผสมของทัลก์ (Talc) ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2563 และยุติการจำหน่ายทั่วโลกในปี 2566 โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สูตรแป้งข้าวโพดแทน ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทกำลังเผชิญคดีฟ้องร้องกว่า 67,000 คดี จากผู้ที่อ้างว่าป่วยเป็นมะเร็งหลังใช้ผลิตภัณฑ์แป้งทัลก์ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่ ขณะที่คดีมะเร็งเมโสธีลิโอมา มีสัดส่วนน้อยแต่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา.