ผลวิจัยชี้ ยาสูดพ่นโรคหอบ และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในสหรัฐฯ สร้างมลพิษเทียบเท่ารถยนต์กว่า 530,000 คันต่อปี โดยเฉพาะชนิดพ่นละอองแรงดัน ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 98% ของทั้งหมด

วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เปิดเผยงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ชื่อดัง JAMA (Journal of the American Medical Association) ซึ่งระบุว่า ยาสูดพ่นรักษาโรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ที่ใช้ในสหรัฐฯ ระหว่างปี 2557–2567 สร้างการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 24.9 ล้านตัน หรือสร้างมลพิษเทียบเท่ารถยนต์ประมาณ 530,000 คันต่อปี

งานวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลยาแห่งชาติ พบว่า ยาพ่นแบบแรงดัน (Metered-Dose Inhalers) ซึ่งใช้ก๊าซไฮโดรฟลูออโรอัลเคน (HFA) เป็นตัวขับแรงดัน เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลัก คิดเป็น 98% ของการปล่อยทั้งหมด  ในขณะที่ยาสูดชนิดผงแห้ง (Dry Powder Inhalers) และ ชนิดละอองนุ่ม (Soft Mist Inhalers) อุปกรณ์สูดพ่นยาที่ไม่ต้องใช้แรงดันก๊าซช่วย แต่จะอาศัยแรงสูดลมหายใจของผู้ใช้เอง เพื่อพาอนุภาคยาผงเข้าสู่ปอด กลับมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำกว่าอย่างมาก

นายวิลเลียม เฟลด์แมน หัวหน้าทีมวิจัยและผู้เชี่ยวชาญโรคปอดจาก UCLA กล่าวว่า การก่อมลพิษเทียบเท่ารถกว่า 530,000 คันต่อปีเป็นเรื่องใหญ่มาก และสิ่งนี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก หากผู้ป่วยมีทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่านี้ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถเปลี่ยนไปใช้ยาพ่นชนิดผงหรือชนิดละอองนุ่มได้ โดยประเทศอย่างสวีเดนและญี่ปุ่นได้ใช้อย่างแพร่หลายโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพทางการรักษา

นักวิจัยระบุว่า ปัญหาสำคัญอยู่ที่ราคาและการเข้าถึงยาสูดชนิดผง ซึ่งมักไม่ได้รับการคุ้มครองจากประกัน ทำให้มีราคาสูง พร้อมย้ำว่า จุดประสงค์ของงานวิจัยไม่ใช่เพื่อกล่าวโทษผู้ป่วย แต่เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิรูปด้านนโยบายและราคา มีการจัดหายาเหล่านี้ให้ผู้ป่วยอย่างยั่งยืน โดยไม่เพิ่มภาระแก่พวกเขา โดยเริ่มจากระดับนโยบายสูงสุดของประเทศ.

...

ที่มา Aljazeera