นักท่องเที่ยวชาวสเปนวัย 40 ปี ถูกหมีป่าทำร้ายบริเวณป้ายรถประจำทาง ในเขตหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก นับเป็นเหตุหมีทำร้ายคนครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หลังมีการพบหมีกว่า 90 ครั้ง ทางการต้องตั้งทีมเฉพาะกิจปิดเส้นทางเดินเท้า และติดตั้งกับดัก เนื่องจากจำนวนการพบหมีเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจทั่วญี่ปุ่น

เกิดเหตุหมีป่าทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวสเปนได้รับบาดเจ็บในเขตหมู่บ้านประวัติศาสตร์ "ชิราคาวาโกะ" จังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 ตุลาคม ใกล้ป้ายรถรับส่งนักท่องเที่ยวด้านทิศเหนือของ "บ้านวาดะ" ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากรัฐบาลญี่ปุ่น

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่า นักท่องเที่ยวชายวัย 40 ปีรายนี้ถูกหมีดำกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ และเข้าทำร้ายจากด้านหลังจนมีบาดแผลถลอกที่แขนขวา ก่อนจะรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใกล้จุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ประเมินว่าหมีตัวดังกล่าวมีความสูงราว 1 เมตร

นี่นับเป็นเหตุหมีทำร้ายคนครั้งแรกในพื้นที่ชิราคาวะโกะตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังมีรายงานการพบหมีมากกว่า 90 ครั้งภายในปีเดียว ทางการได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจฉุกเฉิน ปิดเส้นทางเดินขึ้นจุดชมวิว พร้อมประสานตำรวจและสมาคมนักล่าในท้องถิ่นเพื่อติดตั้งกับดักและป้ายเตือนนักท่องเที่ยว

ญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหาหมีป่าออกมาหากินใกล้เขตชุมชนบ่อยขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยนักวิชาการเชื่อว่าเกิดจากการสูญเสียถิ่นอาศัยและแหล่งอาหารในป่า ทำให้สัตว์ป่าเข้ามาใกล้มนุษย์มากขึ้น

กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นได้ออกคำเตือนให้ท้องถิ่นเพิ่มมาตรการป้องกัน เช่น การติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ส่งเสียงไล่หมี รวมถึงผ่อนปรนกฎหมายอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถยิงหมีที่หลงเข้ามาในเขตชุมชนได้ภายใต้เงื่อนไขจำกัด

...

ข้อมูลจากรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ระหว่างเดือนเมษายน 2023 ถึงมีนาคม 2024 มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการถูกหมีทำร้ายรวม 219 ราย ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และในช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคมปีนี้มีผู้บาดเจ็บอีก 55 ราย ขณะที่การพบหมีในช่วงเดือนเมษายน–พฤษภาคมเพียงสองเดือนมีมากถึง 3,032 ครั้ง เพิ่มขึ้นกว่าปีปกติราว 500 ครั้ง สะท้อนแนวโน้มปัญหาที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง.


ที่มา Asahi Shimbun