ศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติฟิลิปปินส์ ได้ออกคำเตือนฉุกเฉินเมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับอันตรายจากคลื่นพายุซัดฝั่ง ที่คาดว่าจะสูงระหว่าง 1.0 ถึง 3.0 เมตร ภายใน 36 ชั่วโมง ในพื้นที่ชายฝั่งที่ราบต่ำและเปราะบางทางตอนเหนือและตะวันออกของเกาะลูซอน

พายุโซนร้อนแมตโม กำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วลม 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง ก่อนจะพัดขึ้นฝั่งเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศ ในช่วงเช้าวันศุกร์

คลื่นพายุซัดฝั่งเกิดจากกระแสลมที่รุนแรงผลักดันปริมาณน้ำทะเลจำนวนมากเข้าสู่ชายฝั่ง ซึ่งมีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน และการสูญเสียชีวิตได้

สื่อฟิลิปปินส์รายงานว่า ณ เวลา 16.00 น. ของวันนี้ (2 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พายุดีเปรสชันเขตร้อนลูกดังกล่าว อยู่ห่างจากเมืองวีรัก จังหวัดกาตันดูอาเนส ไปทางตะวันออก 665 กิโลเมตร โดยขณะนี้มีความเร็วลม 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีลมกระโชกแรงสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุแมตโมจะทวีกำลังแรงขึ้นจนถึงระดับพายุโซนร้อนรุนแรง ก่อนที่จะพัดขึ้นฝั่งบริเวณจังหวัดอิซาเบลาหรือออโรราตอนเหนือ ในช่วงเช้าหรือบ่ายวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น

แม้ว่าจะยังไม่มีคำสั่งอพยพอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลในทันที แต่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า พื้นที่คาดการณ์จะเกิดฝนตกหนัก และสภาพทะเลจะปั่นป่วนและ "มีความเสี่ยงสำหรับเรือทุกประเภท"

การมาถึงของพายุแมตโมเกิดขึ้นเพียงสามวันหลังจากที่ฟิลิปปินส์เพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.9 ที่บริเวณภาคกลาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 72 ศพ และบ้านเรือนเกือบ 600 หลังถูกทำลาย ประชาชนหลายพันคนต้องนอนตามท้องถนนเพราะความหวาดกลัวอาฟเตอร์ช็อก

...

ประเทศฟิลิปปินส์เผชิญกับพายุโซนร้อนและพายุไต้ฝุ่นโดยเฉลี่ย 20 ลูกต่อปี ซึ่งมักจะเข้าถล่มพื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติและมีประชากรหลายล้านคนอาศัยอยู่ภายใต้ความยากจน

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าพายุในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะทวีกำลังรุนแรงขึ้น เนื่องจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ขับเคลื่อนโดยกิจกรรมของมนุษย์ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พายุไต้ฝุ่นบัวลอย  ได้คร่าชีวิตผู้คนไป 37 ศพ และทำให้ประชาชน 400,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนในภาคเหนือ และก่อนหน้านั้นในช่วงปลายเดือนกันยายน พายุไต้ฝุ่นรากาซา ก็ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 14 ศพ.


ที่มา ABS-CBN