ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากอาคารโรงเรียนประจำอิสลาม 2 ชั้น ที่เมืองซีโดอาร์โจ อินโดนีเซีย ซึ่งถล่มลงมาเมื่อวันจันทร์ ต้องเผชิญกับข่าวร้าย หลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยยืนยันว่าโดรนจับความร้อนไม่พบสัญญาณชีพใด ๆ เหลืออยู่ภายใต้ซากปรักหักพังอีกแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ตาม โดยมีนักเรียนยังสูญหายอีก 59 คน ท่ามกลางหัวใจที่แตกสลายของครอบครัวที่เฝ้ารอคอย
สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ (BNBP) ของอินโดนีเซีย เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารโรงเรียนประจำอิสลามในเมืองซีโดอาร์โจ ไม่พบสัญญาณของชีวิตอีกต่อไปแล้ว
โรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งมีนักเรียนส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหลายร้อยคน ได้ถล่มลงมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 ก.ย.) ขณะที่อาคารกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีนักเรียนเสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และบาดเจ็บประมาณ 100 คน
พลโท ซูฮาร์ยันโต ผู้อำนวยการ BNBP แถลงเมื่อบ่ายวันนี้ (2 ต.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ใช้โดรนจับความร้อนในการตรวจสอบ แต่ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณชีวิตใด ๆ จากใต้ซากปรักหักพังได้
"เมื่อคืนที่ผ่านมา เราเคลียร์พื้นที่เพื่อให้เกิดความเงียบ เราหวังว่าการใช้อุปกรณ์ที่ซับซ้อนจะช่วยให้เราได้ยินสัญญาณชีวิตบ้าง" พลโท ซูฮาร์ยันโต กล่าว พร้อมสรุปว่า "ในทางวิทยาศาสตร์ เราไม่พบสัญญาณชีวิต"
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ ทางการเคยระบุว่า ยังคงได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกน มาจากใต้ซากอาคาร ทำให้เกิดความหวังในการค้นหาผู้รอดชีวิต
การกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากโครงสร้างอาคารไม่มั่นคง เพื่อลดความเสี่ยงจากการถล่มซ้ำ ทางการจึงตัดสินใจยกระดับปฏิบัติการเข้าสู่ "ขั้นตอนต่อไป" คือ การใช้เครื่องจักรกลหนักเพื่อเคลื่อนย้ายแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ โดยจะใช้วิธีเครนยก หรือตัดคอนกรีตให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
...
ในขณะนี้ มีผู้ยังคงติดอยู่ใต้ซากอาคาร 59 คน ขณะที่ตัวเลขมีการเปลี่ยนแปลงตลอดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ครอบครัวของนักเรียนต่างเฝ้ารออยู่ที่โรงเรียน หลายคนหลั่งน้ำตาแต่ยังคงมีความหวังริบหรี่
BNBP ระบุว่า สาเหตุของการถล่มคือ ฐานรากของอาคารไม่มั่นคงและไม่สามารถรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากการที่โรงเรียนกำลังต่อเติมเพิ่มอีก 2 ชั้น และผู้ว่าการเมืองซีโดอาร์โจเปิดเผยว่า ฝ่ายบริหารของโรงเรียนไม่ได้รับใบอนุญาตในการต่อเติมเพิ่มชั้นอาคารดังกล่าว.
ที่มา BBC