ดร.เจน กูดดอลล์ นักวานรวิทยาผู้ปฏิวัติการศึกษาไพรเมตของโลก ถึงแก่กรรมแล้วด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ ขณะมีอายุได้ 91 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดร.เจน กูดดอลล์ นักวานรวิทยา, นักมานุษยวิทยา และนักอนุรักษ์ธรรมชาติชื่อดัง ถึงแก่กรรมแล้ว จากสาเหตุธรรมชาติ ขณะกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อบรรยายในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทัวร์ในสหรัฐอเมริกา รวมอายุได้ 91 ปี

สถาบันเจน กูดดอลล์ ระบุว่า การค้นพบของนักวานรวิทยาผู้นี้ได้ปฏิวัติวงการวิทยาศาสตร์ และเธอเป็นผู้สนับสนุนที่ไม่ย่อท้อในการปกป้องและฟื้นฟูโลกธรรมชาติของเรา

กูดดอลล์มีอายุเพียง 26 ปี ในตอนที่เธอเดินทางไปยังประเทศแทนซาเนียเป็นครั้งแรก และเริ่มงานวิจัยที่สำคัญเกี่ยวกับลิงชิมแปนซีในป่า ตลอดการศึกษาเกี่ยวกับสปีชีส์นี้ กูดดอลล์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไพรเมตแสดงพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกับมนุษย์หลายอย่าง เช่น ความสามารถในการพัฒนาบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว รวมถึงการสร้างและใช้เครื่องมือของตนเอง

ดร.เจน กูดดอลล์ นักอนุรักษ์ ผู้ปฏิวัติการศึกษาวานร
ดร.เจน กูดดอลล์ นักอนุรักษ์ ผู้ปฏิวัติการศึกษาวานร

...


หนึ่งในการค้นพบที่น่าประหลาดใจที่สุดของกูดดอลล์คือการที่ลิงชิมแปนซี "มีความคล้ายคลึงกับเรามากแค่ไหน" เธอบอกกับสำนักข่าว ABC News ในปี 2563

เธอกล่าวว่า "พฤติกรรมของพวกมัน ทั้งการใช้ท่าทาง การจูบ การโอบกอด การจับมือ และการตบหลัง" "... ความจริงที่ว่าพวกมันสามารถใช้ความรุนแรงและโหดร้าย และทำสงครามได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรักและความเห็นแก่ผู้อื่นด้วย"

สถาบันเจน กูดดอลล์ ระบุว่า การค้นพบนี้ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิชาการในศตวรรษที่ 20

กูดดอลล์เคยบอกกับ ABC News ว่าความรักสัตว์ของเธอนั้นเริ่มต้นแทบจะตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว โดยในวัยเด็ก เธอเติบโตในลอนดอนและบอร์นมัท ด้วยความใฝ่ฝันที่จะเดินทางไปแอฟริกาและใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่า พออายุ 10 ขวบ เธอได้อ่านหนังสือเรื่อง “ด็อกเตอร์ดูลิตเติล” และ “ทาร์ซาน” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของเธอไป

กูดดอลล์เล่าด้วยว่า การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติกอมเบ ในแทนซาเนียครั้งแรกนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งภูมิประเทศที่ลาดชันเป็นภูเขา ป่าไม้หนาทึบ และมีภัยคุกคามจากควายป่าและเสือดาวซุ่มซ่อนอยู่ แต่มันก็ทำให้ความปรารถนาตลอดชีวิตของเธอเป็นจริง กูดดอลล์รู้ทันทีว่าเธอมาถึงสถานที่ที่เธอควรจะอยู่แล้ว

"นั่นคือสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอด" เธอบอกกับ ABC News

ต่อมา กูดดอลล์ได้รับปริญญาเอกด้านพฤติกรรมศาสตร์ (ethology) ด้านการศึกษาพฤติกรรมสัตว์ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ โดยวิทยานิพนธ์ของเธอเป็นการให้รายละเอียดการศึกษา 5 ปีแรกของเธอที่เขตกอมเบ

ในปี 2520 กูดดอลล์ได้ก่อตั้งสถาบันเจน กูดดอลล์ (Jane Goodall Institute) ร่วมกับ เจเนวีฟ ดิ ซาน เฟาส์ติโน องค์กรนี้มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานย่อยใน 25 เมืองทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงการปฏิบัติและความเข้าใจเกี่ยวกับไพรเมต (วานร) ผ่านการให้ความรู้สาธารณะและการดำเนินการทางกฎหมาย

งานวิจัยของกูดดอลล์ได้รับทั้งเกียรติทางวิทยาศาสตร์และชื่อเสียงในวงกว้าง และเธอได้รับความดีความชอบในการปูทางให้ผู้หญิงหันมาประกอบอาชีพในสาขา STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) เพิ่มขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา

สถาบันเจน กูดดอลล์ ระบุว่า จำนวนผู้หญิงในสาขา STEM เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 26 ในช่วงหกทศวรรษที่ผ่านมา โดยอ้างอิงข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรตั้งแต่ปี 2513 ถึง 2554

ในปี 2534 เธอยังก่อตั้ง Roots & Shoots ซึ่งเป็นโครงการด้านมนุษยธรรมและสิ่งแวดล้อมระดับโลกสำหรับเยาวชนด้วย

ดร.เจน กูดดอลล์รับเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีสหรัฐฯ จาก โจ ไบเดน
ดร.เจน กูดดอลล์รับเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีสหรัฐฯ จาก โจ ไบเดน


กูดดอลล์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น “ทูตสันติภาพแห่งสหประชาชาติ” (United Nations Messenger of Peace) ในเดือนเมษายน 2545 และนักมานุษยวิทยาท่านนี้ยังคงส่งเสียงสนับสนุนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีอายุเข้าสู่วัย 80 และ 90 ปีแล้วก็ตาม

...

กูดดอลล์ได้รับเกียรติและรางวัลมากมายตลอดชีวิตของเธอ โดยในปี 2538 เธอได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ CBE ซึ่งเป็นเครื่องราชฯ ชั้นที่ 3 ของอังกฤษ สำหรับ "ผลงานด้านสัตววิทยา" และได้รับยศ “เดม” นำหน้าชื่อในปี 2546

ส่วนเกียรติยศอื่นๆ ของกูดดอลล์รวมถึง เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ของฝรั่งเศส, รางวัลเกียวโตของญี่ปุ่น และเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีสหรัฐฯ

เมื่อปี 2562 กูดดอลล์ยอมรับถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศและความสำคัญของการลดภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้น โดยกล่าวกับ ABC News ว่าโลกกำลัง "ตกอยู่ในอันตราย"

"เรามาถึงจุดที่เราต้องทำอะไรให้สำเร็จสักอย่างแล้วอย่างแน่นอน" เธอกล่าว "เรากำลังตกอยู่ในอันตราย เรามีช่วงเวลาที่จำกัด ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเรายังมีเวลา แต่เราต้องลงมือทำ"

กูดดอลล์ยังเคยร่วมมือกับบริษัท Apple ในปี 2565 เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ารีไซเคิลอุปกรณ์ของตน เพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนของแต่ละบุคคล และลดการขุดแร่ที่ไม่จำเป็นทั่วโลก

กูดดอลล์บอกกับ ABC News ในเวลานั้นว่า "ใช่ ผู้คนจำเป็นต้องหารายได้ แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะหารายได้โดยไม่ทำลายโลก" "เราได้ทำลายโลกไปมากถึงขนาดที่น่าตกใจ"

ทั้งนี้ กูดดอลล์มีบุตรชายหนึ่งคน คือ ฮิวโก เอริค หลุยส์ แวน ลอว์อิค จากการแต่งงานครั้งแรกกับบารอน ฮิวโก้ แวน ลอว์อิค ขุนนางชาวดัตช์และช่างภาพสัตว์ป่า และมีหลานอีก 3 คน ก่อนจะแต่งงานกับสามีคนที่ 2 คือ เดเร็ค ไบรซ์สัน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนซาเนีย ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2523


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : abcnews

...