โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ออกมาประณามรัสเซีย หลังดำเนินการโจมตียูเครนรอบใหม่ต่อเนื่องถึง 12 ชั่วโมง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้วหลายสิบราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพรัสเซียส่งโดรนเกือบ 600 ลำ กับยิงมิสไซล์อีกหลายสิบลูก โจมตีทางอากาศเข้าใส่พื้นที่ต่างๆ ของยูเครนต่อเนื่องนานถึง 12 ชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 70 คน นับเป็นการโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายเดือน

การโจมตีดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 27 ก.ย. 2568 โดยเสียงปืนต่อต้านอากาศยานถูกแทรกด้วยเสียงระเบิดเป็นระยะๆ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นเสียงของโดรนที่ถูกสกัดกั้นได้ หรือเป็นเสียงโดรนที่พุ่งชนเป้าหมาย

ความเสียหายในกรุงเคียฟ จากการโจมตีของรัสเซีย 28 ก.ย. 2568
ความเสียหายในกรุงเคียฟ จากการโจมตีของรัสเซีย 28 ก.ย. 2568


...

นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในกรุงเคียฟ ซึ่งตกเป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนัก โดยผู้เคราะห์ร้ายรวมถึงเด็กหญิงอายุเพียง 12 ขวบด้วย

ในกรุงเคียฟ แอปพลิเคชันแจ้งเตือนภัยทางอากาศของยูเครน เตือนให้ผู้คนมุ่งหน้าไปยังที่กำบังและอยู่ในที่นั่น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือนถึงภัยคุกคามทางอากาศที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโดรนนับร้อยลำตกใส่เมือง

นายเซเลนสกีเตือนว่า ยูเครนจะตอบโต้เพื่อบีบให้รัสเซียหันหน้าสู่วิธีทางการทูต และว่าการโจมตีที่ชั่วร้ายนี้แสดงให้เห็นว่ารัสเซีย ต้องการให้การต่อสู้และการเข่นฆ่าดำเนินต่อไป ขณะที่ฝ่ายรัสเซียระบุว่า พวกเขาโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร และบริษัทอุตสาหกรรมที่สนับสนุนกองทัพยูเครน

ความเสียหายในกรุงเคียฟ จากการโจมตีของรัสเซีย 28 ก.ย. 2568
ความเสียหายในกรุงเคียฟ จากการโจมตีของรัสเซีย 28 ก.ย. 2568


ด้านนายอิกอร์ คลีเมนโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน กล่าวว่า มีสถานที่ของพลเรือนอย่างน้อย 100 แห่งทั่วประเทศได้รับความเสียหายจากการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งหน่วยฉุกเฉินเผยว่า สถาบันโรคหัวใจในกรุงเคียฟถูกโจมตีด้วยและทำให้พยาบาลกับผู้ป่วยรายหนึ่งเสียชีวิต

นาย อีวาน เฟโดรอฟ ผู้ว่าการแคว้นซาปอริชเชีย กล่าวว่า การโจมตีระลอกล่าสุดของรัสเซียทำให้มีผู้บาดเจ็บในแคว้นแห่งนี้ 34 คน รวมถึงเด็ก 3 ราย ประกอบด้วยเด็กชายอายุ 11 ปี กับ 12 ปี และเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ

ขณะที่ผู้ว่าการแคว้นซูมีเผยว่า ชายอายุ 59 ปี เสียชีวิตในการโจมตีของรัสเซีย


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc