ไต้ฝุ่น รากาซา อ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปยังประเทศเวียดนาม หลังพัดถล่มจีน ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ จนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 25 ศพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่และประชาชนในภาคใต้ของจีนและฮ่องกงกำลังดำเนินการทำความสะอาดครั้งใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ 25 ก.ย. 2568 หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” พัดถล่ม ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง และสร้างความเสียหายแก่ถนนหลายสาย

รากาซา พายุหมุนเขตร้อนที่ทรงพลังที่สุดในปีนี้ ทำให้ทางการจีนต้องอพยพประชาชนในมณฑลกวางตุ้งเกือบ 2 ล้านคน ขณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างในฮ่องกง โดยเพิ่งกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ในวันพฤหัสบดี แต่โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนบางแห่งยังคงต้องปิดทำการ

ก่อนหน้านี้ ไต้ฝุ่น รากาซา สร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่ไต้หวันและฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ศพ และ 11 ศพตามลำดับ

ในขณะที่ภาพความเสียหายเริ่มปรากฏชัดมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ในมณฑลกวางตุ้งกำลังใช้รถขุดเพื่อเคลื่อนย้ายต้นไม้ที่โค่นล้มหลายพันต้นและเปิดเส้นทางจราจร ขณะที่บนโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอ แสดงให้เห็นชาวบ้านในมาเก๊าพยายามตกปลาบนถนนที่ถูกน้ำท่วม โดยใช้ทั้งคันเบ็ด, แห, กระเป๋า หรือแม้แต่ที่ตักขยะ

สถานีโทรทัศน์ ซีซีทีวี ของรัฐบาลจีนรายงานว่า ไต้ฝุ่น รากาซา ทำให้ต้นไม้ในเมืองหยางเจียง มณฑลกวางตุ้ง หักโค่นกว่า 50,000 ต้น ขณะที่ในเมืองจูไห่ ถนนถูกน้ำท่วม เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เรือยางเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่ โดยย่านชุมชนเก่าบางแห่งมีน้ำท่วมสูงจนถึงชั้นหนึ่งของตัวบ้าน

ข่าวระบุด้วยว่า มีอิทธิพลของพายุทำให้เกิดไฟดับกระทบบ้านเรือนในมณฑลกวางตุ้งกว่า 56,000 ครัวเรือนเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 100 รายในฮ่องกง

...

ทั้งนี้ ไต้ฝุ่น รากาซา กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกตามแนวชายฝั่งจีนตอนใต้ มุ่งหน้าสู่ประเทศเวียดนาม โดยยังคงมีความเสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักในประเทศจีน, เวียดนาม และพื้นที่อื่นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้มันจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้วก็ตาม

นายฝ่าม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงเขื่อนและโรงพยาบาล ดูแลความปลอดภัยของเรือประมง และเตรียมพร้อมปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยแล้ว โดยมีการยกเลิกหรือเลื่อนเที่ยวบินบางส่วน ขณะที่คนงานได้ตัดแต่งกิ่งไม้เพื่อป้องกันอันตรายจากลมในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศแล้ว


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : the guardian