โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งขึ้นค่าธรรมเนียมผู้สมัครวีซ่า H-1B สำหรับแรงงานทักษะสูงเป็น 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี บีบบริษัทต่างๆ ใช้คนอเมริกันแทน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 20 ก.ย. 2568 ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพิ่มการเก็บค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับผู้สมัครเข้าร่วมโครงการวีซ่าแรงงานผู้มีทักษะสูง หรือ “H-1B” เป็นเงินปีละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

นายทรัมป์ลงนามคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคำสั่งของเขาระบุถึงเรื่อง การใช้ประโยชน์โครงการนี้ในทางที่ผิด และจะจำกัดการเข้าประเทศ เว้นแต่จะมีการชำระเงิน

นักวิจารณ์ในสหรัฐฯ แสดงความกังวลมานานแล้วว่า วีซ่า H-1B กำลังบั่นทอนแรงงานชาวอเมริกัน ในขณะที่ผู้สนับสนุน รวมถึงมหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ โต้แย้งว่า วีซ่านี้ช่วยให้สหรัฐฯ สามารถดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูงจากทั่วโลกได้

คำสั่งของนายทรัมป์จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ก.ย. 2568 เป็นต้นไป โดยนายฮาวเวิร์ด ลัตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า คำสั่งจะมีผลกับคำขอวีซ่าใหม่เท่านั้น แต่บริษัทจะต้องจ่ายเงินจำนวนเท่ากันนี้สำหรับผู้สมัครแต่ละคนเป็นเวลาหกปี

"บริษัทต้องตัดสินใจ... ว่าบุคคลนั้นมีค่าพอที่จะต้องจ่ายเงิน 100,000 ดอลลาร์ต่อปีให้กับรัฐบาลหรือไม่ หรือควรกลับบ้านและจ้างคนอเมริกันแทน" นายลัตนิกกล่าว พร้อมเสริมว่า "บริษัทใหญ่ ๆ ทุกแห่งเห็นด้วยกับเรื่องนี้"

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2547 สหรัฐฯ จำกัดการขอวีซ่า H-1B เอาไว้ที่ 85,000 รายต่อปี โดยมีค่าธรรมเนียมการบริหารต่าง ๆ รวมกันประมาณ 1,500 ดอลลาร์ ก่อนที่นายทรัมป์จะมีคำสั่งล่าสุด

ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯ (USCIS) แสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้สมัครวีซ่า H-1B สำหรับปีงบประมาณหน้าลดลงเหลือประมาณ 359,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดในรอบสี่ปี

...

อนึ่ง ตามสถิติของรัฐบาล ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้ในปีงบประมาณที่ผ่านมาคือ Amazon ตามมาด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tata, Microsoft, Meta, Apple และ Google

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัท Amazon ได้แจ้งให้พนักงานที่ถือวีซ่า H-1B และอยู่ในสหรัฐฯ แล้วว่าให้อยู่ในประเทศต่อไป ส่วนใครก็ตามที่ไม่สามารถเดินทางกลับเข้าประเทศได้ก่อนที่คำสั่งจะมีผลบังคับใช้ ควรหลีกเลี่ยงการพยายามกลับเข้าสหรัฐฯ "จนกว่าจะได้รับคำแนะนำเพิ่มเติม"

ด้าน Nasscom ซึ่งเป็นสมาคมการค้าชั้นนำของอินเดีย ระบุว่า รู้สึกกังวลกับคำสั่งของนายทรัมป์ และว่าการกำหนดเส้นตายเพียงวันเดียวหลังลงนามคำสั่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างมากสำหรับภาคธุรกิจ ผู้ประกอบอาชีพ และนักศึกษาทั่วโลก

อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์จากวีซ่า H-1B มากที่สุดเมื่อปีก่อน โดยคิดเป็น 71% ของใบสมัครที่ได้รับการอนุมัติ


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc