"เมตา" บริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ได้เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยหวังที่จะทำให้แว่นตาอัจฉริยะเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก
เมตา (Meta) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ได้เปิดตัว แว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในงานประชุมประจำปี "Meta Connect" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะทำให้แว่นตาอัจฉริยะกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา กล่าวว่าบริษัทได้ร่วมมือกับแบรนด์แว่นตาดังอย่างเรย์แบน (Ray-Ban) และโอ๊คลีย์ (Oakley) เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ ๆ รวมถึงเปิดตัว "Meta Ray-Ban Display" แว่นตาอัจฉริยะที่มีหน้าจอสีความละเอียดสูงในเลนส์ข้างหนึ่ง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิดีโอคอลและอ่านข้อความได้ นอกจากนี้ยังมีกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลในตัว
ซักเคอร์เบิร์กยังได้เปิดตัว สายรัดข้อมือที่สั่งงานด้วยไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ที่ทำงานร่วมกับแว่นตาอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งการต่าง ๆ เช่น การส่งข้อความ ด้วยการใช้ท่าทางมือเล็ก ๆ น้อย ๆ
...
นักวิเคราะห์มองว่าแว่นตาอัจฉริยะมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าโครงการ Metaverse มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของเมตา เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ง่ายในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม เมตาจะต้องพิสูจน์ให้ผู้บริโภคเห็นว่าประโยชน์ของอุปกรณ์เหล่านี้คุ้มค่ากับราคา
แว่นตาดังกล่าวมีราคาเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25,400 บาท) และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 30 กันยายน นอกจากนี้เมตายังเปิดตัวแว่นตาโอ๊คลีย์ รุ่นแวนการ์ด (Vanguard) สำหรับนักกีฬาโดยเฉพาะ ตั้งราคาไว้ที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,865 บาท) ตัวแว่นมีแพลตฟอร์มด้านกีฬาที่จะรายงานสถิติการฝึกซ้อมในเวลาจริงและรายงานสรุปหลังการออกกำลังกาย และแว่นตา Ray-Ban Meta รุ่นที่สอง ในราคา 379 ดอลลาร์ (ประมาณ 12,074 บาท) โดยเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 21 ตุลาคม
ในขณะเดียวกัน เมตากำลังลงทุนมหาศาลเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI รวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ และจ้างผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจากบริษัทคู่แข่ง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี "ซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์" ที่สามารถคิดได้เหนือกว่ามนุษย์
นักวิเคราะห์เชื่อว่า แว่นตาดิสเพลย์จะไม่สามารถทำยอดขายอย่างถล่มทลาย แต่จะปูทางไปสู่การเปิดตัวแว่นตาโอไรออน (Orion) ในปี 2027 หลังจากเมตาเปิดตัวแว่นตาต้นแบบไปเมื่อปีก่อน และซักเคอร์เบิร์กคุยไว้ว่า เป็นเครื่องเดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคต รอยเตอร์มองว่า ในขณะที่เมตาอยู่แถวหน้าในการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ แต่ยังคงตามหลังคู่แข่งอย่างโอเพนเอไอ (OpenAI) และกูเกิล ในการออกโมเดลเอไอล้ำสมัย
อย่างไรก็ตาม เมตากำลังเผชิญกับการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับผลกระทบของผลิตภัณฑ์ต่อเด็ก โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตนักวิจัยด้านความปลอดภัยของบริษัทได้ให้การต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่า เมตาปกปิดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กจากผลิตภัณฑ์โลกเสมือนจริงของบริษัท ซึ่งเมตาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าเป็นเรื่องไร้สาระ.
ที่มา BBC