รัฐบาลติมอร์-เลสเต ยกเลิกแผนการแจกรถยนต์ฟรีให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากประชาชนออกมาประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลของประเทศติมอร์-เลสเต หรือติมอร์ตะวันออก ประกาศยกเลิกนโยบายที่จะแจกรถยนต์ฟรีให้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว หลังจากประชาชนที่ไม่พอใจจำนวนมากออกมาเดินขบวนประท้วงอย่างหนัก เพื่อแสดงการต่อต้าน
เมื่อวันอังคาร (16 ก.ย.) ผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนออกมาเดินขบวนในกรุงดีลี โดยบางคนก่อเหตุจุดไฟเผายางรถยนต์และเผารถยนต์ของรัฐบาล ขณะที่ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา จนในที่สุด หลายชั่วโมงหลังจากนั้น รัฐบาลก็ยอมยกเลิกแผนแจกรถตามที่ผู้ประท้วงต้องการ
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธยังมีผู้ชุมนุมประมาณ 2,000 คน ออกมารวมตัวประท้วงในเมืองหลวงต่อ เนื่องจากพวกเขาต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการจ่ายเงินบำนาญตลอดชีวิตให้แก่สมาชิกสภาที่เกษียณอายุด้วย
เหตุความไม่สงบล่าสุดนี้เกิดขึ้นในขณะที่หลายประเทศในเอเชีย ตั้งแต่เนปาลไปจนถึงอินโดนีเซีย กำลังเผชิญกับการประท้วงของคนหนุ่มสาวที่ไม่พอใจและพุ่งเป้าไปที่การกระทำที่เกินขอบเขตของนักการเมือง
นักศึกษาหญิงรายหนึ่งในติมอร์-เลสเต บอกกับสำนักข่าว บีบีซี ว่า เธอโกรธที่นักการเมืองยังต้องการซื้อรถหรูเพื่อทำงาน ทั้งที่ประชาชนของพวกเขากำลังทุกข์ทรมาน
ทั้งนี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติในติมอร์-เลสเต ได้เงินต่อปีประมาณ 36,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.14 ล้านบาท) ตามข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อปี 2566 ซึ่งมากกว่าเงินได้เฉลี่ยของประชาชนในประเทศเกิน 10 เท่า โดยรายงานของรัฐบาลในปี 2564 ระบุว่า ชาวติมอร์-เลสเต มีเงินได้เฉลี่ยปีละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 95,000 บาท)
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลติมอร์-เลสเต พยายามผลักดันนโยบายซื้อรถฟรีให้สมาชิกสภา โดยมันเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงแผนการใช้เงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อรถใหม่ให้ สส. ในปี 2551 ซึ่งมีนักศึกษาที่ออกมาประท้วงถูกจับกุมตัวหลายคน
...
แต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการประท้วงใหญ่อย่างแท้จริง โดยนายเซซาริโอ ซีซาร์ หนึ่งในแกนนำการประท้วงบอกกับ บีบีซี ว่า ที่การประท้วงปะทุขึ้นในสัปดาห์นี้เป็นเพราะ ประชาชนเบื่อหน่ายกับเรื่องเหล่านี้แล้ว
“ประชาชนไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่ดี ไม่มีน้ำและสุขอนามัยที่ดี... เราขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวก แต่พวกเขายังคงออกกฎหมายมากมายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง” นายซีซาร์กล่าว “เราคิดว่ามันไม่ยุติธรรม”
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc