สหราชอาณาจักรกำลังเร่งเตรียมปราสาทวินด์เซอร์เพื่อรับรองการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งที่สองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 โดยพระราชพิธีครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความหรูหราตระการตา ทั้งโต๊ะไม้มะฮอกกานียาว 50 เมตร เครื่องเงินอายุ 200 ปี รถม้า มงกุฎเพชร และขบวนทหารกองเกียรติยศ
การเยือนดังกล่าวไม่ใช่เพียงการแสดงพระราชพิธี หากแต่มีเป้าหมายทางการทูตที่ชัดเจน คือการสร้างสายสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ท่ามกลางนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ของทรัมป์ ที่ส่งผลกระทบต่อความร่วมมือด้านการค้าและความมั่นคงมายาวนาน
โรเบิร์ต เลซีย์ นักประวัติศาสตร์ราชวงศ์ กล่าวว่า "เรากำลังเอาอกเอาใจเขา" เพราะทรัมป์คงไม่ยอมมาอังกฤษหากไม่ได้มีโอกาสพักที่ปราสาทวินด์เซอร์ และเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำมานาน พร้อมเสริมว่าพระราชวงศ์ยังคงเป็นเครื่องมือทรงพลังด้าน "ซอฟท์ พาวเวอร์" แม้จะไร้อำนาจการเมืองโดยตรงมากว่าสามศตวรรษแล้วก็ตาม
การเยือนรัฐถือเป็นเครื่องมือสูงสุดของสถาบันกษัตริย์ โดยผู้นำโลกต่างต้องการรับเกียรติร่วมโต๊ะเสวยและถ่ายภาพกับกษัตริย์ รวมถึงเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีน โดยในอดีตสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เคยต้อนรับทั้งประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช (2003), บารัค โอบามา (2011) และทรัมป์ (2019)
อย่างไรก็ตาม การเยือนครั้งนี้มีเดิมพันสูงกว่า เพราะรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ต้องการผลักดันข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ และขอการสนับสนุนในสงครามยูเครน โดยสตาร์เมอร์ได้เดินทางไปวอชิงตันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อนำจดหมายเชิญจากกษัตริย์ชาร์ลส์มอบให้ทรัมป์ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำโลกคนใดได้รับเกียรติให้เยือนอย่างเป็นทางการถึงสองครั้ง
...
พิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการจะเริ่มวันพุธ เมื่อกษัตริย์ชาร์ลส์และสมเด็จพระราชินีคามิลลาทรงต้อนรับทรัมป์และภริยา จากนั้นจะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถม้าเข้าสู่ปราสาทวินด์เซอร์ ขบวนทหารจะบรรเลงเพลงชาติทั้งสองประเทศ ก่อนที่ทั้งสองจะตรวจแถวกองเกียรติยศในเครื่องแบบทหารสีแดงและหมวกหนังหมี
ไฮไลต์คือ งานเลี้ยงพระราชทานค่ำ ที่โต๊ะวอเตอร์ลูยาวเกือบครึ่งสนามฟุตบอล รองรับแขกกว่า 160 คน โดยใช้เวลาถึง 5 วันในการจัดโต๊ะ และเสิร์ฟด้วยชุดเครื่องเงินโบราณอายุ 200 ปี กว่า 4,000 ชิ้น แขกสุภาพบุรุษจะสวมเสื้อเชิ้ตขาวพร้อมชุดสูทหางยาว ส่วนสุภาพสตรีจะปรากฏตัวในชุดราตูหรูหราพร้อมอัญมณีระยิบระยับ
ฮูโก วิคเกอร์ส นักประวัติศาสตร์ราชวงศ์ ระบุว่านายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ใช้วิธีที่ชาญฉลาด โดยให้กษัตริย์ชาร์ลส์ "ดึง" ทรัมป์มาที่อังกฤษ และนี่ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจา โดยเฉพาะเรื่องยูเครน
ส่วนการหารือเชิงลึกระหว่างทรัมป์และสตาร์เมอร์จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดี ที่ที่เช็กเกอร์ส (Chequers) บ้านพักประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ.
ที่มา AP