ผู้ว่าการรัฐยูทาห์เผย ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยิงนาย ชาร์ลี เคิร์ก ยังไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการสืบสวน และไม่ยอมเปิดเผยแรงจูงใจในการก่อเหตุ

นายสเปนเซอร์ ค็อกซ์ ผู้ว่าการรัฐยูทาห์ บอกกับสื่อสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ย. 2568 ว่า นายไทเลอร์ โรบินสัน วัย 22 ปี ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ลงมือยิงสังหารนาย ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษ์นิยมคนดัง ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สืบสวน และไม่เปิดเผยเรื่องแรงจูงใจในการก่อเหตุ

นายโรบินสันตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบยิงนาย ชาร์ลี เคิร์ก ซึ่งกำลังร่วมงานอีเวนต์ขององค์กรนักศึกษา “จุดเปลี่ยนสหรัฐอเมริกา” (Turning Point USA - TPUSA) ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้ง ที่วิทยาเขตของมหาวิทยาลัย ยูทาห์ วัลเลย์เมื่อวันพุธ (10 ก.ย.) ก่อนที่นายโรบินสันจะถูกจับกุมตัวได้ในคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น

เมื่อวันอาทิตย์ ผู้ว่าการรัฐยูทาห์ให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ หลายสำนัก โดยเขายืนยันว่า คนรอบตัวนายโรบินสันให้ความร่วมมือกับการสืบสวนเป็นอย่างดี

นักข่าวถามนายค็อกซ์เกี่ยวกับรายงานที่ว่า นายโรบินสันเคยคุยกับคนอื่นบนแพลตฟอร์ม “ดิสคอร์ด” (Discord) หลังลงมือก่อเหตุ และพูดติดตลกว่าตัวเองเป็นมือปืนด้วย ว่าเป็นความจริงหรือไม่?

นายค็อกซ์ตอบว่า “ตอนนี้เรายืนยันได้แค่ว่า การสนทนาเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นนายโรบินสันจริงๆ ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นจนกระทั่งเขายอมรับว่า เขาเป็นคนก่อเหตุจริงๆ”

นายค็อกซ์เคยให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ด้วยว่า นายโรบินสัน ซึ่งเป็นชาวรัฐยูทาห์ ถูกปลูกฝังด้วยอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายอย่างลึกซึ้ง

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ State of the Union ของช่อง CNN เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาตอบว่าข้อมูลดังกล่าวได้มาจากเพื่อนและครอบครัวของผู้ต้องสงสัย โดยอธิบายว่า "มีอีกหลายอย่างที่เรากำลังเรียนรู้ และอีกมากมายที่เราจะได้รู้" พร้อมเสริมว่าเมื่อมีการยื่นฟ้องอย่างเป็นทางการแล้ว จะมี "หลักฐานและข้อมูลต่าง ๆ เปิดเผยออกมาอีกมาก"

...

ผู้ว่าฯ ยูทาห์เผยอีกว่า หนึ่งในคนที่กำลังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนคือ เพื่อนร่วมห้องของนายโรบินสัน โดยเพื่อนคนนี้ไม่เคยรู้เรื่องแผนการลอบสังหารนายเคิร์กมาก่อน

นายค็อกซ์ยืนยันว่า เพื่อนร่วมห้องของนายโรบินสันคนนี้กำลังอยู่ระหว่างการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง หลังถูกถามเรื่องดังกล่าวโดย CNN แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับการสืบสวนหรือไม่


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc