รักษาการนายกฯ เนปาลเปิดใจครั้งแรก ยืนยันจะอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 6 เดือนก่อนส่งต่ออำนาจ พร้อมเรียกร้องให้มีการยุติการคอร์รัปชันตามที่ผู้ประท้วงต้องการ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางสุชิลา การ์กี รักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศเนปาล ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กล่าวในวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ย. 2568 ว่า เธอจะอยู่ในตำแหน่งนี้ไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น ก่อนจะส่งต่ออำนาจให้รัฐบาลประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ยุติการคอร์รัปชันในประเทศ

“ดิฉันไม่ได้ปรารถนาตำแหน่งนี้เลย แต่เป็นเพราะเสียงเรียกร้องจากประชาชนตามท้องถนนต่างหากที่ทำให้ดิฉันต้องยอมรับ” นางการ์กีเปิดใจครั้งแรกนับตั้งแต่สาบานรับตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ โดยเธอรับปากว่าจะส่งต่ออำนาจให้รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งในวันที่ 5 มี.ค.ปีหน้า

ทั้งนี้ นางการ์กีได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเนปาล หลังจากประชาชนออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลในหลายเมืองทั่วประเทศเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเมืองหลวงกรุงกาฐมาณฑุ ผู้ชุมนุมโจมตีอาคารรัฐบาลกับบ้านของนักการเมืองหลายแห่ง รวมถึงจุดไฟเผาภายในรัฐสภา และปะทะกับตำรวจจนมีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว 72 ศพ

การประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ (8 ก.ย.) จากความไม่พอใจที่รัฐบาลมีมาตรการห้ามใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ก่อนที่การประท้วงจะลุกลามกลายเป็นเหตุความรุนแรงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความโกรธแค้นของประชาชนที่มีต่อการคอร์รัปชันของบรรดานักการเมือง และสิทธิพิเศษต่างๆ ที่คนกลุ่มนี้ได้รับ ซึ่งสวนทางกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน

นางการ์กีสาบานตนรับตำแหน่งหลังจากมีการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่าง ผู้ประท้วงซึ่งถูกเรียกว่า “ขบวนการเจนซี” (Gen Z) , กองทัพ กับประธานาธิบดีเนปาล

...

“เราต้องทำงานให้สอดคล้องกับแนวคิดของคนรุ่น Gen Z” นางการ์กีกล่าว “สิ่งที่คนกลุ่มนี้เรียกร้องคือการยุติการคอร์รัปชัน, การมีธรรมาภิบาลที่ดี และความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ”

อนึ่ง นางการ์กีได้รับความนิยมจากชาวเนปาลตั้งแต่สมัยที่เธอเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาหญิงของศาลสูงสุดในช่วงปี 2559-2560 แล้ว และเป็นที่รู้จักกันดีเรื่องจุดยืนของเธอในการต่อต้านการคอร์รัปชันในรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เธอก็ถูกถอดถอนหลังอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 11 เดือนเท่านั้น

หลังจากนี้ คณะรัฐมนตรีชั่วคราวของนางการ์กีจะต้องเผชิญความท้าทายมากมาย รวมถึง การฟื้นฟูกฎหมายและความสงบเรียบร้อยในสังคม, ซ่อมแซมหรือสร้างอาคารรัฐสภาและอาคารสำคัญอื่น ๆ ที่ถูกโจมตีขึ้นมาใหม่ รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้ประท้วง Gen Z ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc