รายงานล่าสุดจากองค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยข้อมูลว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือภายใต้การปกครองของ คิม จอง อึน ได้เพิ่มมาตรการลงโทษประหารชีวิตอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกับประชาชนที่ถูกจับได้ว่ารับชมและเผยแพร่สื่อภาพยนตร์และละครต่างประเทศ การกระทำนี้สะท้อนถึงการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นในทุกมิติของชีวิตประชาชน
รายงานจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ออกกฎหมายใหม่ถึง 6 ฉบับที่อนุญาตให้ใช้โทษประหารชีวิตได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการรับชมหรือเผยแพร่สื่อต่างประเทศ เพื่อเป็นการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จ
ผู้หลบหนีออกจากเกาหลีเหนือกว่า 300 คนที่ให้สัมภาษณ์กับ UN เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มีการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในที่สาธารณะบ่อยขึ้น เพื่อสร้างความหวาดกลัวและยับยั้งไม่ให้ประชาชนคนอื่นทำผิดกฎหมาย
คัง กยูริ ซึ่งหลบหนีในปี 2023 บอกว่าเพื่อนของเธอสามคนถูกประหารชีวิต หลังจากถูกจับได้ว่าครอบครองเนื้อหาเกี่ยวกับเกาหลีใต้ และเธอได้ร่วมการพิจารณาคดีของเพื่อนวัย 23 ปีคนหนึ่งที่ถูกตัดสินประหารชีวิต
ผู้ที่หนีรอดออกมาบอกว่า เคยมีความหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นเมื่อคิม จอง อึน ขึ้นสู่อำนาจ แต่ความหวังนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพราะสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและปากท้องกลับเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังปี 2019 ที่ผู้นำคิม หันมามุ่งเน้นโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างจริงจัง
ผู้ที่ให้ข้อมูลเกือบทั้งหมดเปิดเผยว่าพวกเขามีอาหารไม่เพียงพอ การได้กินข้าววันละ 3 มื้อถือเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตจากภาวะอดอยาก
รัฐบาลใช้เทคโนโลยีการสอดแนมที่ล้ำหน้าขึ้นเพื่อตรวจสอบและควบคุมประชาชนอย่างทั่วถึง รวมถึงปราบปรามตลาดมืดซึ่งเป็นช่องทางทำมาหากินของหลายครอบครัว และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน โดยมีคำสั่งให้ทหารยิงผู้ที่พยายามหลบหนีทันที
...
รายงานยังระบุว่าเกาหลีเหนือใช้แรงงานบังคับมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ที่มาจากครอบครัวยากจน ซึ่งถูกส่งไปทำงานในโครงการก่อสร้างและเหมืองแร่ที่มีอันตรายถึงชีวิต และยังมีการเกณฑ์เด็กกำพร้าและเด็กข้างถนนมาเป็นแรงงานด้วย
แม้จะเคยมีรายงานตั้งแต่ปี 2014 ว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือมีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในค่ายกักกันทางการเมือง แต่รายงานล่าสุดยืนยันว่ายังมีค่ายเหล่านี้เปิดใช้งานอยู่ และผู้ต้องขังยังคงถูกทรมาน ทารุณ และเสียชีวิตจากภาวะทุพโภชนาการ
ฟอลเคอร์ เติร์ก โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติส่งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือให้ศาลอาญาระหว่างประเทศพิจารณา แต่ความพยายามนี้ถูกขัดขวางมาโดยตลอดจากสมาชิกถาวรอย่างรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเกาหลีเหนือ
แม้สถานการณ์จะดูมืดมน แต่รายงานของ UN ก็ชี้ให้เห็นถึงความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเกาหลีเหนือที่แสดงความปรารถนาอย่างชัดเจนที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงและอนาคตที่ดีขึ้น.
ที่มา BBC