เกิดเหตุประท้วงครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส โดยผู้ประท้วงได้ออกมาก่อความวุ่นวาย เผาถังขยะ และปะทะกับตำรวจในหลายพื้นที่ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อชนชั้นนำทางการเมืองและแผนการลดงบประมาณของรัฐบาล

ผู้ประท้วงหลายพันคนออกมาชุมนุมทั่วฝรั่งเศสวันนี้ (10 ก.ย.) โดยจุดไฟเผาถังขยะ ตั้งแนวกีดขวางถนน และปะทะกับตำรวจเป็นระยะ ภายใต้แคมเปญ "Block Everything" (ปิดทุกอย่าง) ที่มีเป้าหมายกดดันชนชั้นการเมืองและต่อต้านมาตรการตัดงบประมาณของรัฐบาล

กองกำลังรักษาความปลอดภัยกว่า 80,000 นาย รวมถึง 6,000 นายในกรุงปารีส ถูกส่งลงพื้นที่เพื่อทลายสิ่งกีดขวางและควบคุมสถานการณ์ ตำรวจยืนยันว่ามีผู้ถูกจับกุมหลายสิบคน เฉพาะในกรุงปารีสมีอย่างน้อย 132 คน

การประท้วงเกิดขึ้นท่ามกลางความปั่นป่วนทางการเมือง หลังรัฐสภาลงมติไม่ไว้วางใจจนทำให้นายกฯ ฟรองซัวส์ บาอิรู ต้องพ้นตำแหน่ง และประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แต่งตั้ง เซบาสเตียง เลอกอร์นู ขึ้นแทนเมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในเวลาไม่ถึง 2 ปี ที่ยิ่งสร้างความไม่พอใจแก่ฝ่ายซ้าย

ที่เมืองน็องต์ ผู้ชุมนุมปิดทางด่วนด้วยยางรถยนต์และถังขยะเผาไฟ ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาสลาย ขณะที่มงต์เปลลิเยร์และตูลูสก็มีการปะทะเช่นกัน โดยบางจุดมีผู้ถือป้ายเพื่อเรียกร้องให้นายมาครงลาออก

การเคลื่อนไหว "Block Everything" ที่เริ่มจากกลุ่มฝ่ายขวาบนโซเชียลเมื่อเดือนพฤษภาคม ก่อนจะถูกฝ่ายซ้ายและซ้ายจัดเข้ามาร่วม จนขยายตัวเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อ "ชนชั้นนำที่ไร้ประสิทธิภาพ" และนโยบายรัดเข็มขัด นักวิเคราะห์เปรียบเทียบการประท้วงครั้งนี้กับเหตุการณ์ "เสื้อกั๊กเหลือง" ในปี 2018 ที่เริ่มต้นจากการต่อต้านราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่สุดท้ายได้ขยายวงกว้างเป็นการประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีมาครงและนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของเขา

...


ที่มา Reuters