ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า ตนเอง "ไม่พอใจ" ต่อการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งขยายสงครามกับฮามาสออกนอกเขตกาซาเป็นครั้งแรก ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติที่เพิ่มสูงขึ้น

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุว่าการโจมตีดังกล่าว "มีเหตุผลชอบธรรม" เนื่องจากมุ่งเป้าผู้นำระดับสูงของฮามาสที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งเป็นชนวนสงครามกาซา

ฮามาสยืนยันว่ามีสมาชิกเสียชีวิต 5 คน รวมถึงลูกชายของคาลิล อัล-ฮัยยา หัวหน้าทีมเจรจา แต่ปฏิเสธว่าความพยายามลอบสังหารคณะผู้เจรจาของกลุ่มไม่สำเร็จ พร้อมประณามการโจมตีว่าเป็น "อาชญากรรมโหดเหี้ยม” และ “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง"

กาตาร์ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานทัพอากาศใหญ่ประจำอยู่ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีว่าเป็น "การกระทำที่ขี้ขลาด" โดยยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเสียชีวิต 1 นายและบาดเจ็บอีกหลายคน

พยานในกรุงโดฮาระบุว่า ได้ยินเสียงระเบิดถึง 8 ครั้งในย่านคาทารา โดยอาคารพักอาศัยซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานการเมืองฮามาสถูกโจมตีอย่างหนัก อิสราเอลยอมรับในไม่กี่นาทีต่อมาว่าเป็นผู้ปฏิบัติการครั้งนี้ และกองทัพอิสราเอลยืนยันว่าเป็นการ "โจมตีแม่นยำ" มุ่งเป้าผู้นำระดับสูงของฮามาส โดยสื่ออิสราเอลรายงานว่ามีเครื่องบินรบถึง 15 ลำใช้ระเบิด 10 ลูกโจมตีเป้าหมายเดียวภายในไม่กี่วินาที

ทางการอิสราเอลระบุเป้าหมายรวมถึงคาลิล อัล-ฮัยยา และซาเฮอร์ จาบาริน ผู้นำฮามาสที่ลี้ภัยอยู่นอกรัฐปาเลสไตน์

ด้านทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯ ได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าอิสราเอลจะโจมตีกาตาร์ พร้อมวิจารณ์ว่า "การโจมตีฝ่ายเดียวในดินแดนของกาตาร์ซึ่งเป็นประเทศเอกราชและพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ไม่ได้ช่วยเป้าหมายของอิสราเอลหรืออเมริกา" อย่างไรก็ตาม โฆษกทำเนียบขาวย้ำว่าการกำจัดฮามาสถือเป็น "เป้าหมายที่เหมาะสม"

...

หลังเหตุการณ์ ทรัมป์ได้โทรศัพท์พูดคุยทั้งกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลและผู้นำกาตาร์ โดยให้คำมั่นต่อฝ่ายกาตาร์ว่า "เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบนแผ่นดินกาตาร์" ขณะที่ฝ่ายอิสราเอลยืนยันว่า ปฏิบัติการนี้เป็น "การตัดสินใจอย่างอิสระของอิสราเอล" และแสดงความรับผิดชอบโดยสมบูรณ์.


ที่มา BBC