โปแลนด์เปิดเผยว่า ได้ใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับนาโตในการยิงสกัดโดรนที่รุกล้ำน่านฟ้า ขณะรัสเซียเปิดการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ตะวันตกของยูเครน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่โปแลนด์ต้องใช้กำลังในน่านฟ้าของตนเองนับตั้งแต่สงครามยูเครนปะทุ
กองบัญชาการทหารโปแลนด์ระบุว่า น่านฟ้าโปแลนด์ถูกละเมิดหลายครั้งโดย "วัตถุคล้ายโดรน" ระหว่างการโจมตีของรัสเซียในยูเครน พร้อมยืนยันว่ามีการใช้อาวุธจริงในการสกัดกั้น และเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหาซากวัตถุที่ถูกยิงตก โดยเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ พอดลาสกี มาซอวีคี และลูบลิน อยู่ในที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย
วลาดิสลาฟ โคซิเนียก-คามิช รัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์ ยืนยันว่าเครื่องบินรบของโปแลนด์ได้ใช้อาวุธต่อ "วัตถุไม่เป็นมิตร" และย้ำว่ากองทัพโปแลนด์กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกองบัญชาการนาโต
ด้านองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ (FAA) รายงานว่า โปแลนด์ได้ปิดสนามบินชั่วคราว 4 แห่ง รวมถึงสนามบินโชแปงในกรุงวอร์ซอว์ และสนามบินยาซิออนกา เมืองเชซูฟ ทางตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นศูนย์กลางขนส่งผู้โดยสารและอาวุธไปยังยูเครน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโปแลนด์ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันอย่างเป็นทางการ
กองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยว่า ตลอดทั้งคืน ยูเครนทุกภูมิภาค รวมถึงโวลินและลวิฟซึ่งติดชายแดนโปแลนด์ อยู่ภายใต้สัญญาณเตือนภัยทางอากาศ ขณะที่ก่อนหน้านี้ยูเครนเคยรายงานว่าโดรนรัสเซียรุกล้ำน่านฟ้าโปแลนด์และคุกคามเมืองซาโมสช์ แต่ต่อมาได้ลบข้อความดังกล่าวออกจากเทเลแกรม
ส่วนในสหรัฐฯ ดิ๊ก เดอร์บิน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต ระบุว่าการรุกล้ำน่านฟ้าชาตินาโตซ้ำๆ ของรัสเซีย เป็นสัญญาณว่า "วลาดิเมียร์ ปูติน กำลังทดสอบความเด็ดเดี่ยวในการปกป้องโปแลนด์และชาติในเขตบอลติก" ขณะที่ โจ วิลสัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ประณามการกระทำนี้ว่าเป็น “การโจมตีพันธมิตรนาโต” และถือเป็น “การประกาศสงคราม” พร้อมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้มาตรการคว่ำบาตรที่ "จะทำลายเครื่องจักรสงครามของรัสเซียให้สิ้นซาก"
...
เขาย้ำว่า "ปูตินไม่ได้พอใจแค่การแพ้ในยูเครนและสังหารผู้บริสุทธิ์ แต่กำลังทดสอบความแข็งแกร่งของนาโตโดยตรงบนดินแดนพันธมิตร".
ที่มา Reuters