เจ้าชายฮิซาฮิโตะ เข้าพิธีบรรลุนิติภาวะแล้ว เป็นเชื้อพระวงศ์ชายพระองค์แรกที่เข้าพิธีดังกล่าวในรอบกว่า 40 ปี และอาจเป็นองค์สุดท้ายของราชวงศ์ญี่ปุ่น

เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ก.ย. 2568 เจ้าชายฮิซาฮิโตะ รัชทายาทลำดับ 2 แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นและพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ พระชนมายุ 19 ชันษา ทรงเข้าพิธีบรรลุนิติภาวะแล้ว ที่พระราชวังหลวงในกรุงโตเกียว ท่ามกลางความปิติยินดีของประชาชนจำนวนมากที่มาเฝ้ารออยู่ด้านนอก

พิธีการในวันเสาร์ เริ่มขึ้นที่บ้านพักของครอบครัวของเจ้าชายฮิซาฮิโตะ โดยพระองค์ปรากฏตัวในชุดทักซิโดสีดำเพื่อรับหมวกพิธีการจากผู้ส่งสารของจักรพรรดินารุฮิโตะ


จากนั้น พิธีการหลักเริ่มขึ้นที่พระราชวังหลวง ซึ่งมีพระบรมวงศานุวงศ์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเข้าร่วม เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงฉลองพระองค์แบบดั้งเดิมด้วยชุดคลุมสีเบจซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะก่อนวัยผู้ใหญ่ของพระองค์ ก่อนที่หมวกของพระองค์จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องสวมศีรษะ “คันมุริ” (kanmuri) สีดำ ซึ่งเป็นการประกาศการบรรลุนิติภาวะของพระองค์อย่างเป็นทางการ

...

หลังจากนั้น เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงโค้งคำนับและขอบพระทัยสมเด็จพระจักรพรรดิสำหรับเครื่องสวมศีรษะ และขอบพระทัยพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีที่ทรงจัดพระราชพิธีนี้ และทรงให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ในฐานะพระบรมวงศานุวงศ์ให้สมบูรณ์ ก่อนจะเปลี่ยนไปใส่ชุดพิธีการสีดำอันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ใหญ่ และประทับราชรถเทียมม้า เดินทางไปสักการะศาลเจ้า 3 แห่งภายในอาณาเขตพระราชวัง


สำหรับพิธีในช่วงบ่าย เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงฉลองพระองค์ทักซิโดเพื่อเสด็จฯ เยือนพระราชวังอิมพีเรียล เพื่อทรงเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ณ ห้องโถงมัตสึโนะมะอันทรงเกียรติ เพื่อรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาปรมาภรณ์แห่งเบญจมาศ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติหลังสงคราม

ในช่วงค่ำ เจ้าชายฟุมิฮิโตะและเจ้าหญิงคิโกะ พระบิดาและมารดาของเจ้าชายฮิซาฮิโตะ ทรงจัดงานเลี้ยงฉลองส่วนพระองค์ให้แก่พระโอรส ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ซึ่งพระญาติจะมารวมตัวกัน

ทั้งนี้ เจ้าชายฮิซาฮิโตะเป็นสมาชิกอายุน้อยที่สุดในราชวงศ์ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยผู้ใหญ่ 16 คน โดยที่พระองค์กับพระบิดาคือ เจ้าชายฟุมิฮิโตะเป็นสมาชิกราชวงศ์ชายเพียง 2 คนที่มีอายุน้อยกว่าสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ในขณะที่เจ้าชายฮิตาชิ พระอนุชาในอดีตสมเด็จพระจักรพรรดิฮิกิฮิโตะ ราชทายาทลำดับที่ 3 มีอายุถึง 89 ชันษาแล้ว

การขาดรัชทายาทกำลังสร้างความกังวลอย่างหนักให้แก่ราชวงศ์เบญจมาศ ซึ่งมีประวัติศาสตร์เก่าแก่กว่า 1,500 ปี และสะท้อนถึงปัญหาสังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่นและการลดลงของจำนวนประชากร


ในอดีต เชื้อพระวงศ์หญิงได้รับอนุญาตให้ขึ้นครองราชย์ได้ โดยญี่ปุ่นเคยมีจักรพรรดินีถึง 8 พระองค์ โดยองค์สุดท้ายครองราชย์ในช่วงปี 2305-2313 ก่อนที่การสืบราชบัลลังก์จะถูกจำกัดเฉพาะผู้ชายเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญยุคก่อนสงครามเมื่อปี 2432 ขณะที่กฎมณเฑียรบาลที่ประกาศใช้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 2490 ก็ยังคงรักษาค่านิยมครอบครัวตามกฎหมายก่อนสงครามเอาไว้ รวมถึงการกำหนดให้ผู้สืบราชบัลลังก์ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น

แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ระบบให้แต่ผู้ชายขึ้นครองราชย์นี้มีช่องโหว่ และใช้ได้เฉพาะในยุคที่สมเด็จพระจักรพรรดิมีสนมช่วยในการสร้างทายาทเท่านั้น ขณะที่ ผลสำรวจความคิดเห็นก็บ่งชี้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ในปัจจุบันสนับสนุนให้สตรีขึ้นครองราชย์ได้


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

...


ที่มา : japantoday