รถรางกระเช้าอันเก่าแก่และเป็นสัญลักษณ์ของกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ตกรางและพุ่งชนกับอาคาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ศพ บาดเจ็บอีก 18 ราย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รถรางกระเช้า “กลอเรีย” (Gloria funicular) อันมีชื่อเสียงของโปรตุเกส ตกรางในกรุงลิสบอน และพุ่งชนอาคารเมื่อวันพุธที่ 3 ก.ย. 2568 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ศพ บาดเจ็บอีก 18 ราย โดยในจำนวนนี้ 5 รายมีอาการสาหัส
เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินระบุว่า มีชาวต่างชาติรวมอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตด้วย แต่ไม่มีการเปิดเผยสัญชาติ โดยยังไม่แน่ชัดว่ามีผู้โดยสารอยู่บนรถรางกี่คน ในตอนเกิดเหตุที่ถนน อเวนิดา ดา ลิเบร์ดาเด เมื่อเวลาประมาณ 18.05 น. วันพุธที่ 3 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
คลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์แสดงให้เห็นว่า รถรางสีเหลืองสดพลิกคว่ำและถูกทำลายเกือบทั้งคัน ขณะที่ประชาชนจำนวนหนึ่งวิ่งหนีออกมาจากบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยมีควันลอยอยู่ในอากาศ
...
เทเรซา ดีอาโว หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับหนังสือพิมพ์ “ออบเซอร์เวดอร์” (Observador) ของโปรตุเกสว่า รถรางคันนี้สูญเสียการควบคุมและไม่มีการเบรกเลย “พวกเราเริ่มวิ่งหนี เพราะเราคิดว่ารถรางจะวิ่งชนคันที่อยู่ด้านล่าง แต่รถรางกลับตกลงตรงทางโค้งแล้วพุ่งชนอาคาร”
ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคน บอกกับ SIC สถานีโทรทัศน์ของโปรตุเกสว่า รถรางคันนี้ชนกับอาคาร หลังจากมันวิ่งลงจากถนนสูงชันด้วยความเร็วเต็มที่ “มันชนเข้ากับอาคารอย่างรุนแรงและพังทลายเหมือนเป็นลังกระดาษ มันไม่มีการเบรกเลย”
ทางการกรุงลิสบอนระบุว่า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ว่าอะไรคือสาเหตุของเหตุการณ์นี้ ขณะที่บริษัท แคร์ริส (Carris) ผู้ให้บริการรถรางคันที่เกิดเหตุระบุว่า พวกเขาเริ่มการสืบสวนข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และยืนยันว่าปฏิบัติตามขั้นตอนการบำรุงรักษาทั้งหมด
ทั้งนี้ รถรางกระเช้า เป็นระบบรถรางประเภทหนึ่งที่ทำให้สามารถเดินทางขึ้นหรือลงจากเนินสูงชันได้ โดยรถราง 2 คันของรถรางกระเช้า กลอเรีย ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเชื่อมต่อกับปลายตรงข้ามของเคเบิลลากจูง ซึ่งหมายความว่าในขณะที่คันหนึ่งเคลื่อนที่ลงเนิน น้ำหนักของมันจะช่วยยกอีกคันหนึ่งขึ้น ทำให้รถรางสามารถขึ้นและลงได้พร้อมกัน
รถรางกระเช้า กลอเรีย เป็นหนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดในกรุงลิสบอน โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2428 ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ระบบไฟฟ้าในอีก 3 ทศวรรษหลังจากนั้น
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc