คณะกรรมการสหประชาชาติเผยว่า สงครามในฉนวนกาซาที่ดำเนินมาเกือบ 2 ปี ทำให้เด็กกว่า 21,000 คน ต้องกลายเป็นผู้พิการ ในขณะที่ความช่วยเหลือที่ถูกส่งเข้าไปก็ไม่เพียงพอ

เมื่อวันพุธที่ 3 ก.ย. 2568 คณะกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ (UNCRPD) เปิดเผยว่า สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาซึ่งปะทุขึ้นเมื่อ 7 ต.ค. 2566 และยังดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เด็กๆ ราว 40,500 คน ได้รับบาดเจ็บ และกว่า 21,000 คนต้องกลายเป็นผู้พิการ

ขณะที่เมื่อนับรวมทั้งหมด สงครามที่ดำเนินมาเกือบ 2 ปีนี้ ทำให้มีผู้บาดเจ็บแล้วอย่างน้อย 157,114 คน และมากกว่า 25% ในจำนวนนี้มีความเสี่ยงทุพพลภาพตลอดชีวิต

รายงานของ UNCRPD ระบุว่า คำสั่งอพยพของอิสราเอลระหว่างปฏิบัติการโจมตีในฉนวนกาซา มักเข้าไม่ถึงผู้ที่มีความทุพพลภาพทางการได้ยินหรือการมองเห็น ทำให้การอพยพเป็นไปไม่ได้ ผู้พิการยังถูกบังคับให้หลบหนีในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยและไร้ซึ่งศักดิ์ศรี เช่นต้องหมอบคลานผ่านทรายและดินโคลนโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือในการเคลื่อนไหว

ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการระบุด้วยว่า การจำกัดการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา ส่งผลกระทบต่อผู้ทุพพลภาพอย่างไม่สมส่วน ผู้มีความทุพพลภาพเผชิญการตัดขาดจากความช่วยเหลืออย่างรุนแรง ทำให้หลายคนไม่มีอาหาร น้ำสะอาด หรือสุขอนามัย และต้องพึ่งคนอื่นเพื่อเอาชีวิตรอด

UNCRPD เตือนด้วยว่า ปัจจุบัน มูลนิธิมนุษยธรรมกาซา (GHF) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอล เปิดศูนย์กระจายความช่วยเหลือเพียง 4 จุดทั่วฉนวนกาซา ในขณะที่ระบบของสหประชาชาติที่ถูก GHF มาแทนที่ เคยมีศูนย์ถึง 400 แห่ง

อุปสรรคทางกายภาพเช่นซากปรักหักพังจากสงคราม และการสูญเสียอุปกรณ์ช่วยเคลื่อนที่ที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ยังขัดขวางไม่ให้ผู้คนเข้าถึงจุดกระจายความช่วยเหลือยิ่งขึ้นไปอีก

...

ผู้ทุพพลภาพกว่า 83% ในกาซายังสูญเสียอุปกรณ์ช่วยเหลือของตัวเอง และส่วนใหญ่ไม่สามารถหาอุปกรณ์มาทดแทนได้ ในขณะที่ รถเข็น, อุปกรณ์ช่วยเดิน, ไม้เท้า, เฝือกดาม และแขนขาเทียม ถูกอิสราเอลกำหนดเป็นสิ่งของที่ใช้ได้ 2 ทาง จึงไม่ถูกส่งมาพร้อมกับสิ่งของช่วยเหลืออื่นๆ

UNCRPD เรียกร้องให้มีการส่งสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวนมากเข้าสู่ฉนวนกาซา เพื่อช่วยเหลือผู้พิการที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และย้ำว่าทุกฝ่ายต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้ทุพพลภาพและป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง, การทำร้าย, การเสียชีวิต และการพรากซึ่งสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นอีก


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : cna