ผู้หญิงชาวอินโดนีเซียรวมตัวประท้วงในกรุงจาการ์ตา เพื่อแสดงพลังต่อต้านนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้ไม้กวาด เป็นสัญลักษณ์ของการ "กวาดล้างสิ่งสกปรกของรัฐและความกดขี่ของเจ้าหน้าที่"

ผู้หญิงหลายร้อยคนในชุดสีชมพูเข้าร่วมการประท้วงในกรุงจาการ์ตาในวันนี้ (3 ก.ย.) เพื่อต่อต้านสิทธิพิเศษของนักการเมืองและความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้ "ไม้กวาด" เป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูป ในขณะที่ประธานาธิบดีเดินทางไปจีน เพื่อร่วมพิธีสวนสนามเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 80 ปีวันแห่งชัยชนะ

กลุ่มผู้ประท้วงถือป้ายที่มีข้อความว่า "ปฏิรูปตำรวจ" และ "คำสัญญาที่หอมหวานทำให้เป็นเบาหวาน" พร้อมกับไม้กวาด ซึ่งกลุ่มพันธมิตรสตรีอินโดนีเซีย (The Alliance of Indonesian Women) ซึ่งเป็นผู้จัดการประท้วง ระบุว่าเป็นสัญลักษณ์ของการ "กวาดสิ่งสกปรกในรัฐ ... และการกดขี่ของกองกำลังความมั่นคง"

การประท้วงที่เริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วในกรุงจาการ์ตาได้ลุกลามไปทั่วประเทศ หลังจากที่รถหุ้มเกราะตำรวจคันหนึ่งได้ชนและคร่าชีวิตคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ศพ จากเหตุประท้วง ซึ่งบางส่วนมีการปล้นสะดมและก่อจลาจลด้วย

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ได้ออกมากล่าวว่า กองทัพและตำรวจจะยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อความรุนแรง พร้อมกับชี้ว่าความไม่สงบบางอย่างมีลักษณะของการก่อการร้ายและการกบฏ ถึงแม้เขาจะเคยยกเลิกแผนการเดินทาง แต่ในที่สุดก็เดินทางไปจีนเพื่อร่วมชมขบวนพาเหรดทางทหารครั้งใหญ่ โดยสำนักงานประธานาธิบดีชี้ว่า สถานการณ์ในประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจเดินทาง

...

ด้านกลุ่มพันธมิตรสตรีอินโดนีเซีย ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มประชาสังคมที่นำโดยผู้หญิง ได้เคยประกาศยกเลิกการประท้วงเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากเกรงว่าอาจเผชิญกับการตอบโต้ที่รุนแรงจากเจ้าหน้าที่

ผู้ประท้วงรายหนึ่งกล่าวว่า "เราต้องการแสดงให้เห็นว่าการประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ" พร้อมกับตั้งคำถามว่า หากรัฐบาลบอกว่าการประท้วงเป็นกบฏ ก็ควรตั้งข้อสงสัยในคำกล่าวนี้

ปัจจุบัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกำลังดำเนินการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังความมั่นคง ซึ่งทางสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้เรียกร้องให้มีการสอบสวน "การละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ถูกกล่าวหาทั้งหมด รวมถึงการใช้กำลัง" อย่างโปร่งใสด้วยเช่นกัน.


ที่มา Reuters