ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เผยจีนจะร่วมมือกับทุกฝ่ายในองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ เพื่อยกระดับเวทีความมั่นคงระดับภูมิภาคนี้ให้ก้าวไปอีกขั้น โดยเป้าหมายคือการสร้างระเบียบความมั่นคงโลกระบบใหม่
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า จีนจะร่วมมือกับทุกฝ่ายในองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) เพื่อยกระดับเวทีความมั่นคงระดับภูมิภาคนี้ให้ก้าวไปอีกขั้น โดยเป้าหมายคือการสร้างระเบียบความมั่นคงโลกระบบใหม่เพื่อท้าทายสหรัฐอเมริกา
ผู้นำจีนกล่าวในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดที่นครเทียนจิน โดยมีผู้นำกว่า 20 ประเทศเข้าร่วมว่า องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ได้สร้างแบบจำลองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ และเวทีนี้ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอก
การประชุมครั้งนี้มีผู้นำระดับโลกเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย, ประธานาธิบดีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย และผู้นำจากเอเชียกลาง, ตะวันออกกลาง, เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของกลุ่มประเทศในซีกโลกใต้ได้อย่างชัดเจน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในกิจการระหว่างประเทศ การต่อต้านแนวคิดครอบงำและเกมการเมืองด้วยอำนาจ พร้อมทั้งสนับสนุนการส่งเสริมระบบพหุภาคีในเวทีโลก
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้เน้นย้ำถึงบทบาทของกลุ่ม SCO ในการต่อต้านอำนาจและการแทรกแซงจากภายนอก โดยไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐอเมริกาโดยตรง แต่ได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกต่อต้าน “ความคิดแบบสงครามเย็น” และ "แนวทางปฏิบัติที่ชอบรังแกผู้อื่น"
ผู้นำจีนกล่าวถึงสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่ "ผันผวนและวุ่นวาย" โดยมองว่า SCO ได้สร้าง "แบบอย่างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่" ที่ยึดมั่นใน "ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมระหว่างประเทศ" พร้อมทั้งคัดค้านแนวคิด "การใช้อำนาจครอบงำ" และ "เกมการเมืองด้วยอำนาจ" อย่างชัดเจน
...
นอกจากนี้ สี จิ้นผิง ยังกระตุ้นให้สมาชิก SCO ใช้ประโยชน์จาก "ขนาดตลาดที่ใหญ่" เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนร่วมกัน และร่วมกันสร้าง "สวนแห่งอารยธรรม" รวมถึงให้ความสำคัญกับการ "ส่งเสริมมุมมองทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2" อีกด้วย
องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เริ่มต้นจากการรวมตัวของ 6 ประเทศในแถบยูเรเชีย และได้ขยายสมาชิกอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันมีสมาชิกถาวร 10 ประเทศ และมีประเทศคู่เจรจาและผู้สังเกตการณ์รวมกันอีก 16 ประเทศ
ที่มา Reuters