โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า เขากำลังหาทางบังคับใช้โทษประหารชีวิตสำหรับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดีซี อ้างเป็นการป้องปรามที่แข็งแกร่ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีของเขาเมื่อวันอังคารที่ 26 ส.ค. 2568 ว่า เขากำลังหาทางลงโทษประหารชีวิตคนร้ายคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อเป็นมาตรการป้องปราม
คำพูดของนายทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางหลายร้อยคนถูกส่งเข้าไปประจำการในเมืองหลวงของสหรัฐฯ แห่งนี้ ตามคำสั่งของนายทรัมป์ ซึ่งอ้างว่า วอชิงตัน ดีซี เป็นเมืองที่ไร้กฎหมายอย่างสิ้นเชิง และบอกใบ้ว่าจะทำแบบเดียวกันนี้ที่เมืองชิคาโกและเมืองอื่นๆ ด้วย
น.ส.มูริเอล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดีซี พยายามตอบโต้คำกล่าวหาของนายทรัมป์เกี่ยวกับอาชญากรรมในเมืองแห่งนี้ โดยตามสถิติอย่างเป็นทางการชี้ว่า ตัวเลขอาชญากรรมในเมืองหลวงลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2566
“หากใครสักคนสังหารใครบางคนในเมืองหลวงกรุงวอชิงตัน ดีซี แห่งนี้ เราจะหาทางลงโทษด้วยการประหารชีวิต” นายทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวและสมาชิกคณะรัฐมนตรี “และนั่นคือมาตรการป้องกันที่เข้มแข็งมาก”
ทั้งนี้ คดีฆาตกรรมเกือบทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวอชิงตัน ดีซี จะถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายท้องถิ่น แต่ในทางทฤษฎี อัยการสามารถเรียกร้องขอให้ผู้พิพากษาลงโทษด้วยการประหารชีวิต สำหรับความผิดที่เข้าข่ายภายในกฎหมายรัฐบาลกลางได้
อย่างไรก็ตาม โทษประหารชีวิตจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะลูกขุน ทำให้การบังคับใช้ประหารชีวิตอย่างที่นายทรัมป์ต้องการเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากวอชิงตัน ดีซี มีประชากรที่ต่อต้านโทษประหารมากที่สุดในประเทศ
...
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าเขาจะบังคับใช้โทษประหารดังกล่าวอย่างไร
อนึ่ง นายทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร นำโทษประหารกลับมาใช้งานอีกครั้งตั้งแต่วันแรกที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมกราคม หลังจากบทลงโทษดังกล่าวถูกกระทรวงยุติธรรมในสมัยของโจ ไบเดน สั่งพักการสำเร็จโทษ
ในคำสั่งดังกล่าวของนายทรัมป์ อธิบายว่า โทษประหารชีวิตคือเครื่องมือสำคัญเพื่อป้องปราม และลงโทษผู้ที่ก่ออาชญากรรมอย่างชั่วร้ายที่สุด และการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนชาวอเมริกันจนมีผู้เสียชีวิต
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc