องค์กรสื่อ-นานาชาติพากันโกรธแค้นอิสราเอลโจมตีรพ.กาซา สังหารนักข่าว บุคลากรแพทย์เพิ่ม ยูเอ็นประณามอย่างรุนแรง เรียกร้องสอบสวนอิสระ เผยตัวเลขนักข่าวสังเวยชีวิตในกาซาพุ่ง 192 ศพนับตั้งแต่เริ่มสงคราม

วันที่ 26 สิงหาคม 2568 บรรดาองค์กรสื่อผู้สื่อข่าว และองค์กรนานาชาติ ต่างออกมาแสดงความตกตะลึงและโกรธแค้นต่อเหตุโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งคร่าชีวิตนักข่าวและบุคลากรทางการแพทย์หลายราย จนถูกมองว่าเป็น "การสังหารหมู่" โดยตรงต่อสื่อมวลชน

โดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำอิสราเอลและปาเลสไตน์ แถลงว่า เหตุครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดต่อผู้สื่อข่าวที่ทำงานให้องค์กรสื่อนานาชาตินับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น พร้อมย้ำว่าอิสราเอลยังคงปิดกั้นสื่อมวลชนต่างชาติ ไม่ให้เข้าถึงพื้นที่อย่างอิสระ และเรียกร้องให้เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

ทางด้านนายฟิลิป ลาซซารินี หัวหน้าองค์การยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ (UNRWA) โพสต์ข้อความระบุว่า เหตุโจมตีครั้งนี้เปรียบเสมือนการปิดปากกระบอกเสียงสุดท้ายที่กำลังรายงานถึงสถานการณ์เด็ก ๆ ที่กำลังเสียชีวิตท่ามกลางความอดอยาก

ขณะเดียวกันนายอันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ประณามการสังหารนักข่าวและบุคลากรแพทย์ โดยระบุว่า ยูเอ็นเรียกร้องให้พลเรือน บุคลากรแพทย์ และนักข่าว ต้องได้รับการคุ้มครองทุกเวลา และสามารถทำหน้าที่ได้โดยปราศจากการแทรกแซง คุกคาม หรือการทำร้าย พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการสอบสวนอิสระอย่างเป็นธรรม

ขณะที่สหภาพนักข่าวปาเลสไตน์ถึงขั้นใช้คำว่า "การสังหารหมู่โหดเหี้ยมที่กองทัพยิวก่อขึ้น"  โดยมุ่งเป้าโจมตีทีมสื่อมวลชนโดยตรง  เช่นเดียวกับองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ที่ออกมาประณามการโจมตีใส่โรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวที่ยังคงทำงานได้บางส่วนในภาคใต้ของกาซา โดยยบอกว่าเจ้าหน้าที่ MSF ต้องหลบภัยในห้องแล็บ ขณะที่อาคารถูกโจมตีซ้ำเป็นครั้งที่สอง

...

นอกจากองค์กรสื่อและสิทธิมนุษยชนแล้ว หลายประเทศ เช่น แคนาดา อังกฤษ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และคูเวต ต่างร่วมกันประณามการโจมตีครั้งนี้

ทั้งนี้ คณะกรรมการคุ้มครองนักข่าว (Committee to Protect Journalists - CPJ) เปิดเผยว่า จนถึงก่อนเหตุการณ์ล่าสุด มีนักข่าวถูกกองทัพอิสราเอลสังหารไปแล้ว 192 ศพ ตั้งแต่สงครามกาซาปะทุขึ้น โดยโจดี้ กินส์เบิร์ก ประธาน CPJ กล่าวว่า อิสราเอลจงใจเล็งเป้ากล้องของรอยเตอร์ส พร้อมเสริมว่าผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือก็ถูกสังหารซ้ำในการโจมตีระลอกที่สอง ซึ่งละเมิดกฎหมายและเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม.