- คณะกรรมาธิการทัณฑ์บนรัฐแคลิฟอร์เนียตัดสินใจปฏิเสธคำร้องขอปล่อยตัวก่อนกำหนดของพี่น้องเมเนนเดซ ฆาตกรชื่อดังซึ่งก่อเหตุสังหารบิดาและมารดาของตัวเองเมื่อ 36 ปีก่อน
- เดิมทีพี่น้องคู่นี้ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต แต่มีการตัดสินโทษใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลดโทษให้พวกเขาเหลือจำคุก 50 ปี และสามารถขอทำทัณฑ์บนเพื่อปล่อยตัวก่อนกำหนดได้
- อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการทัณฑ์บนบกเหตุผลหลายข้อระหว่างการพิจารณา ที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจปฏิเสธ รวมถึงพฤติกรรมการแหกกฎหลายครั้งของพี่น้องคู่นี้ขณะอยู่ในเรือนจำ
เอริก กับ ไลล์ เมเนนเดซ สองพี่น้องผู้ก่อเหตุสังหารพ่อแม่ของตัวเองด้วยการใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงพวกเขาหลายนัดในระยะประชิด ที่บ้านของพวกเขาในเมืองเบเวอร์ลี ฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2532 ถูกปฏิเสธการขอทำทัณฑ์บนเพื่อปล่อยตัวก่อนกำหนด หลังจากมีการตัดสินโทษใหม่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ในการขอทำทัณฑ์บนมา
ระหว่างการพิจารณา 2 วันของคณะกรรมาธิการทัณฑ์บนรัฐแคลิฟอร์เนีย สองพี่น้องถูกซักหลายข้อ และเจ้าหน้าที่ขอให้พวกเขาพูดอย่างตรงๆ เรื่องการทารุณที่พวกเขาได้รับในตอนเป็นเด็ก, ความเชื่อของพวกเขาที่นำไปสู่การฆาตกรรม กับความคิดหลังจากนั้น และการกระทำผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างถูกจองจำ
พี่น้องเมเนนเดซถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในปี 2539 จากการสังหารนายโฮเซ กับนางคิตตี เมเนนเดซ จนกลายเป็นคดีโด่งดังของสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน กระทั่งพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากสังคมมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากเรื่องราวของพวกเขาถูกนำไปทำเป็นสารคดีบนเน็ตฟลิกซ์ นำไปสู่การตัดสินโทษใหม่ในเดือนพฤษภาคม
การพิจารณาของคณะกรรมาธิการทัณฑ์บนนี้คือโอกาสใกล้เคียงที่สุดที่พวกเขาจะได้ออกจากคุก และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาก็ช่วยอธิบายว่าเหตุใด คณะกรรมาธิการจึงปฏิเสธการให้ทัณฑ์บนแก่พี่น้องคู่นี้
...
แอบใช้โทรศัพท์มือถือ
การแอบใช้โทรศัพท์มือถือขณะถูกคุมขังไม่ใช่เรื่องเล็ก นายโรเบิร์ต บาร์ตัน หนึ่งในกรรมาธิการทัณฑ์บนเน้นย้ำเรื่องนี้กับพี่น้องเมเนนเดซ ว่าการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างผิดกฎหมายของพวกเขา ทำลายภาพลักษณ์การเป็นนักโทษชั้นดีที่พวกเขาพยายามสร้างขึ้นมา
มือถือที่ว่าอาจถูกใช้เพื่อสั่งการโจมตี, เคลื่อนย้ายยาเสพติดจากในคุก และประสานการโจมตีเจ้าหน้าที่ และการที่มีมือถืออยู่ในคุกหมายความว่า เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานต้องมีลักลอบนำเข้าไป และกลุ่มแก๊งในเรือนจำก็อาจได้รับประโยชน์จากการเก็บค่าใช้โทรศัพท์
“สิ่งที่ผมได้จากการใช้โทรศัพท์และการเชื่อมต่อผมกับโลกภายนอกนั้น มีค่ามากกว่าผลที่ตามมาจากการถูกจับได้ว่าใช้โทรศัพท์” นายเอริก เมเนนเดซกล่าว โดยเขาบอกกับคณะกรรมาธิการว่า เขาใช้มือถือเพื่อพูดคุยกับภรรยา, ดูยูทูป, ฟังเพลง และดูหนังโป๊
ในการตัดสินปฏิเสธการขอทำทัณฑ์บนของเอริก นายบาร์ตันอธิบายว่า พฤติกรรมของเอริกนั้นคือการ “เห็นแก่ตัว” และเป็นสัญญาณว่า เขาเชื่อว่ากฎไม่ได้บังคับใช้กับเขา และเชื่อว่าผลลัพธ์จะสร้างความชอบธรรมให้แก่วิธีการ
ส่วนไลล์ เมเนนเดซ เพิ่งถูกจับได้ว่าใช้โทรศัพท์มือถือ 2 ครั้งเมื่อไม่นานมานี้ โดยครั้งล่าสุดคือในเดือนมีนาคม โดยไลล์อ้างว่า เขาให้ผู้คุมดูตลอดเวลาที่เขาคุยโทรศัพท์กับภรรยาและครอบครัว และขายเรื่องราวของพวกเขาแก่หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ เขาจึงมองว่าโทรศัพท์มือถือคืออุปกรณ์ส่วนตัว
ไลล์อ้างอีกว่า ในช่วงที่เขาถูกย้ายไปยังเรือนจำที่ซานดิเอโก ชีวิตแต่งงานของเขาอยู่ภาวะตึงเครียดมาก และเขาไม่อยากขาดการติดต่อกับภรรยา
“ผมกล่อมตัวเองให้เชื่อว่า การทำแบบนี้ไม่ได้ทำร้ายใคร มีแค่ตัวผมเองที่ละเมิดกฎ” ไลล์ เมเนนเดซกล่าว “ผมไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการเรือนจำมากนัก”
สองพี่น้องไม่ใช่นักโทษชั้นดีอย่างที่คิด
ในบรรดาพี่น้องสองคน เอริก เมเนนเดซ ละเมิดกฎร้ายแรงมากกว่าไลล์ โดยคณะกรรมาธิการถามเอริกว่า เหตุใดเขาเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มแก๊งในเรือนจำที่ชื่อว่า “ทู ไฟเฟอส์” (Two Fivers) และช่วยพวกเขาในแผนการฉ้อโกงภาษีเมื่อช่วงประมาณปี 2556
เอริกอ้างว่า เขาเพียงพยายามเอาชีวิตรอดจากความรุนแรงอย่างยิ่งยวดในเรือนจำ ที่เพื่อนสนิทสามารถถูกแทงหรือถูกข่มขืนได้ “ผมตกอยู่ในความกลัวอย่างใหญ่หลวง ตอนที่ทูไฟเฟอส์มา และขอให้ผมช่วย ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะเข้ากับพวกเขาและเพื่อเอาชีวิตรอด”
เอริกบอกอีกว่า เขาให้ความสำคัญกับการปกป้องตัวเองมากกว่ารักษากฎ เพราะในตอนนั้น เขาไม่มีความหวังจะได้ออกมา อนึ่ง พี่น้องเมเนนเดซถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตตั้งแต่ปี 2539 และเพิ่งได้รับการตัดสินโทษใหม่เมื่อ 13 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ลดโทษเหลือจำคุก 50 ปี และได้สิทธิ์ในการขอทำทัณฑ์บนเพื่อออกจากคุกก่อนกำหนด
เอริกบอกด้วยว่า เขาเสพยาและแอลกอฮอล์ตลอดในช่วงแรกๆ ของการถูกจองจำ แต่เริ่มบรรเทาลงในปี 2556 ในวันเกิดของผู้เป็นมารดา
ส่วนไลล์ละเมิดกฎน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการ จูเลีย มาร์แลนด์ ระบุว่า ไลล์ก็ยังแสดงให้เห็นบุคลิกภาพต่อต้านสังคมเช่น การหลอกลวง, การลดทอนความสำคัญของการกระทำผิด และการแหกกฎ ซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดูดีของเขา และนักโทษที่แหกกฎ ก็มีโอกาสมากที่จะทำแบบเดียวกันในสังคมเช่นกัน
...
การสังหารมารดายังคงเป็นจุดติดขัด
กรรมาธิการทั้งสองคนแสดงความกังวลในประเด็นการฆาตกรรมนางคิตตี เมเนนเดซ ซึ่งนายบาร์ตันกล่าวว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ณ ตอนนั้น เอริก เมเนนเดซ ขาดความเห็นอกเห็นใจในฐานะมนุษย์
“ผมไม่สามารถเอาตัวเองไปแทนที่คุณได้ ผมไม่รู้ว่าผมเคยโกรธใครถึงขั้นนั้นหรือเปล่า” บาร์ตันกล่าว “แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องน่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันดูเหมือนว่า ผู้เป็นมารดาก็เป็นเหยื่อในการใช้ความรุนแรงในครอบครัวเช่นเดียวกัน”
นายบาร์ตันบอกอีกว่า ในตอนก่อเหตุพี่น้องเมเนนเดซไม่ได้กำลังตกอยู่ในอันตรายต่อชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน และสามารถขอความช่วยเหลือจากสมาชิกครอบครัวคนอื่นหรือไปหาตำรวจได้
ในส่วนของไลล์ น.ส.การ์แลนด์กล่าวว่า การยิงนางคิตตี เมเนนเดซ ปิดท้ายอีก 1 นัด คือความไร้หัวใจอย่างยิ่ง เธอยังเน้นย้ำพฤติกรรมของเขาที่พยายามปกปิดการกระทำผิด เช่น โกหกตำรวจและพยายามหลบเลี่ยงการดำเนินคดี ว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน
...
แคลิฟอร์เนียอนุมัติทัณฑ์บนยาก
ก่อนหน้านี้ นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เคยออกคำสั่งให้คณะกรรมาธิการทัณฑ์บนประเมินความเสี่ยงของพี่น้องเมเนนเดซ เพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวก่อนกำหนด
ผลการประเมินไม่มีการเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ แต่นายนาธาน ฮอชแมน อัยการเขตลอส แอนเจลิส เคาน์ตี บอกในเดือนพฤษภาคมว่า พี่น้องเมเนนเดซถูกประเมินว่า เป็นนักโทษ “ความเสี่ยงระดับกลาง”
องค์กรนโยบายเรือนจำ (Prison Policy Initiative) เปิดเผยผลการวิเคราะห์ในปี 2565 ซึ่งชี้ว่า นักโทษความเสี่ยงระดับกลางในรัฐแคลิฟอร์เนียนั้น มีโอกาสได้รับทัณฑ์บนเพียง 22% ทำให้แคลิฟอร์เนียกลายเป็นหนึ่งในรัฐที่นักโทษได้ทัณฑ์บนยากที่สุด
...
สมาชิกครอบครัวยังหนุนสองพี่น้อง
ญาติของพี่น้องเมเนนเดซมากกว่า 10 คน พูดในการพิจารณาทัณฑ์บนเมื่อวันที่ 21-22 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า พวกเขาสนับสนุนให้ปล่อยตัวเอริกกับไลล์
นางเทเรซิตา บารอลต์ พี่สาวของโฮเซ เมเนนเดซ กล่าวว่า เธอกำลังจะตายจากมะเร็งระยะที่ 4 และอยากต้อนรับหลานๆ กลับบ้าน
“ฉันอยากพูดให้ชัดเจนว่า ถึงแม้ฉันจะรักน้องชายของฉัน แต่ฉันก็ให้อภัยเอริก” นางบารอลต์กล่าว “เอริกวางตัวด้วยความเมตตา, ซื่อสัตย์ และเข้มแข็ง ซึ่งมีจากความอดทนและความสุภาพ”
ด้านนาตาชา เลโอนาร์โด หลานของคิตตี เมเนนเดซ ให้คำมั่นกับคณะกรรมาธิการทัณฑ์บนว่า เธอจะมอบบ้านที่มอบความรักและความมั่นคงอย่างไม่มีเงื่อนไขให้แก่เขาที่โคโลราโด ที่เขาจะได้ใช้เวลากับครอบครัวและธรรมชาติ
หลังจากคณะกรรมาธิการมีคำตัดสิน สมาชิกครอบครัวของเมเนนเดซก็ออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวัง แต่ก็ยังไม่หมดกำลังใจ “เรารู้ว่าพวกเขาเป็นคนดีที่ได้พยายามฟื้นฟูตัวเองและสำนึกผิด เรารักพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข และจะยืนหยัดเคียงข้างพวกเขาตลอดการเดินทางข้างหน้านี้”
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : cnn , bbc