โซนี่เตรียมขึ้นราคาเครื่องเล่นเกม PlayStation 5 ในสหรัฐฯ อีกประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐ เริ่มตั้งแต่วันนี้ ขณะเดียวกัน มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ก็เสี่ยงที่จะทำให้ต้นทุนเพิ่มเช่นกัน

โซนี่ประกาศเตรียมปรับขึ้นราคาเครื่องเล่นเกมคอนโซล PlayStation 5 ในสหรัฐอเมริกา โดยจะเพิ่มขึ้นราว 50 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,628 บาท) มีผลตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม เป็นต้นไป การขึ้นราคาครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางต้นทุนที่สูงขึ้น ตลาดวิดีโอเกมที่ชะลอตัว และความกังวลต่อมาตรการภาษีศุลกากรที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดกับประเทศคู่ค้า รวมถึงญี่ปุ่น

อิซาเบล โตมาทิส รองประธานฝ่ายการตลาดระดับโลกของ Sony Interactive Entertainment ระบุผ่านบล็อกโพสต์ว่า บริษัทเผชิญกับ "สภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย" และจึงจำเป็นต้องตัดสินใจปรับขึ้นราคา โดย รุ่น Pro ของ PS5 จะมีราคาขายปลีกแนะนำอยู่ที่ 749.99 ดอลลาร์ ส่วนรุ่นพื้นฐานจะอยู่ที่ 499.99 ดอลลาร์ ขณะที่อุปกรณ์เสริมของ PlayStation 5 จะยังคงราคาเดิม

การปรับขึ้นราคาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกำหนดภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้ผู้ส่งออกญี่ปุ่น รวมถึงโซนี่ ต้องเผชิญกับอัตราภาษีสูงถึง 15% การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ต้องพิจารณาปรับกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อรักษากำไร

ก่อนหน้านี้ โซนี่ได้ปรับขึ้นราคาเครื่องเล่น PlayStation 5 ในสหราชอาณาจักรและยุโรปแล้ว โดยอ้างอิงถึงเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ในทำนองเดียวกัน บริษัทเกมคู่แข่งอย่างนินเทนโดก็เพิ่งปรับราคาคอนโซล Nintendo Switch ขึ้นเช่นกัน ขณะที่เกมยอดนิยมอย่าง Mario Kart World มีราคาเพิ่มขึ้นจนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เล่น

...

ไมโครซอฟท์เองก็ได้ปรับขึ้นราคาของเครื่องเล่น Xbox และอุปกรณ์เสริมในหลายประเทศเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มทั่วโลกที่อุตสาหกรรมเกมต้องรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากปัจจัยภายนอก รวมถึงแรงกดดันด้านภาษีและการผลิต

ไม่เพียงแต่ธุรกิจเกมเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ บริษัทค้าปลีกและผู้ผลิตรายใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ เช่น Home Depot, Adidas และ Nike ต่างเตือนว่าภาษีนำเข้าจะบีบให้ต้องขึ้นราคาสินค้า โดย Adidas คาดว่าจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 200 ล้านยูโร ขณะที่ Nike ประเมินว่าภาษีใหม่อาจทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคชาวอเมริกันในระยะต่อไป


ที่มา BBC