อิสราเอลให้การอนุมัติขั้นสุดท้ายสำหรับโครงการตั้งถิ่นฐานที่ถูกประณามจากหลายฝ่าย ซึ่งจะมีผลให้เขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง ถูกตัดขาดจากเยรูซาเล็มตะวันออก และทำให้ดินแดนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
รัฐบาลอิสราเอลให้การอนุมัติขั้นสุดท้ายต่อโครงการสร้างนิคมชาวยิวในพื้นที่ E1 ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเยรูซาเล็มตะวันออกกับนิคมมาอาเล อาดุมิม ส่งผลให้เขตเวสต์แบงก์ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และถูกมองว่าจะตัดโอกาสการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่มีเอกภาพอย่างสิ้นเชิง
การก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าวถูกระงับมานานกว่า 20 ปี เนื่องจากแรงกดดันจากนานาชาติ แต่ล่าสุดคณะกรรมการกระทรวงกลาโหมอิสราเอลอนุมัติแผนสร้างที่อยู่อาศัย 3,400 ยูนิต โดยเบซาเลล สโมตริช รัฐมนตรีคลังฝ่ายขวาจัด กล่าวอย่างชัดเจนว่า "แนวคิดเรื่องรัฐปาเลสไตน์กำลังถูกลบออกไปจากโต๊ะเจรจา"
ฝ่ายปาเลสไตน์ตอบโต้ทันที โดยองค์การบริหารปาเลสไตน์ (PA) ประณามการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และทำลายความหวังของแนวทางสองรัฐ พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติใช้มาตรการจริงจัง รวมถึงการคว่ำบาตร เพื่อกดดันให้อิสราเอลยุติแผนดังกล่าว
การอนุมัติครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่หลายประเทศทั่วโลกออกมาประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์มากขึ้น ขณะที่อิสราเอลกลับเร่งขยายการตั้งถิ่นฐาน โดยจนถึงปัจจุบันอิสราเอลได้สร้างนิคมแล้วราว 160 แห่ง มีชาวยิวกว่า 700,000 คนอาศัยอยู่ในดินแดนที่ถูกยึดครองจากสงครามปี 1967 ขณะชาวปาเลสไตน์กว่า 3.3 ล้านคนยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แผนสร้างบ้านใน E1 ครอบคลุมพื้นที่ราว 12 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ คณะกรรมการยังอนุมัติบ้านอีกกว่า 300 ยูนิตในนิคมใหม่ชื่อ "อาซาเอล" ซึ่งเดิมเป็นเพียงจุดตั้งถิ่นฐานที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่เพิ่งถูกทำให้ถูกกฎหมายตามกฎหมายอิสราเอลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
...
สโมตริชกล่าวเพิ่มเติมว่า "ทุกการสร้างบ้านคืออีกหนึ่งตะปูปิดฝาโลงแนวคิดรัฐปาเลสไตน์" พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ดำเนินการต่อไปจนถึงการผนวกเวสต์แบงก์อย่างเป็นทางการ
หลายฝ่ายนานาชาติออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านอย่างชัดเจน นายเดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ระบุว่า แผนนี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และจะบั่นทอนแนวทางแก้ปัญหาแบบสองรัฐ ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ย้ำว่าแนวทางสองรัฐเป็นหนทางเดียวสู่สันติภาพที่ยุติธรรมและถาวร ส่วนรัฐบาลเยอรมนีชี้ว่า การก่อสร้างนิคมใหม่เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสันติภาพ
ด้านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เคยแสดงความเห็นเมื่อปี 2024 ว่า การดำรงอยู่ของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองนั้น "ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" และเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการครอบครองโดยเร็วที่สุด แต่เนทันยาฮูกล่าวปฏิเสธ พร้อมยืนยันว่า “ชาวยิวไม่ใช่ผู้ยึดครองในแผ่นดินของตนเอง”
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายปกครองปาเลสไตน์เตือนว่า หากโครงการ E1 เดินหน้า จะทำให้เยรูซาเล็มถูกตัดขาดจากพื้นที่ปาเลสไตน์โดยรอบ และเวสต์แบงก์จะแตกเป็นกลุ่มเขตเล็ก ๆ เสมือนเรือนจำกลางแจ้ง ยิ่งทำให้โอกาสของสันติภาพและการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์แทบเป็นศูนย์.
ที่มา BBC