นักการเมืองหนุ่มชาวฟินแลนด์ ถูกพบเสียชีวิตอยู่ภายในอาคารรัฐสภาในกรุงเฮลซิงกิ โดยผลการสืบสวนเบื้องต้นชี้ว่าเป็นการจบชีวิตตัวเอง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเอเมลี เพลโตเนน ส.ส.หนุ่มวัย 30 ปี จากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (SDP) ถูกพบเป็นศพอยู่ภายในอาคารรัฐสภาหลักในกรุงเฮลซิงกิ เมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 19 ส.ค. 2568 โดยผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายเพลโตเนนจบชีวิตตัวเอง
เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกเรียกไปยังอาคารรัฐสภาในเวลา 11.06 น. วันอังคารที่ 19 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นราว 3 ชั่วโมงต่อมา รัฐสภาได้ออกแถลงการณ์สั้นๆ ยืนยันการเสียชีวิตของนายเพลโตเนน ขณะที่ตำรวจระบุว่า ไม่พบร่องรอยที่ทำให้สงสัยว่าเป็นเหตุอาชญากรรมแต่อย่างใด
การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของนายเพลโตเนนสร้างความตกใจไปทั่วประเทศฟินแลนด์ โดยนักการเมืองจากทุกฝ่ายต่างออกมาร่วมแสดงความเสียใจ เช่น นางตีตติ ตุปปูไรเนน จากพรรค SDP ระบุว่า “เขาเป็นสมาชิกชุมชนของเราผู้เป็นที่รักอย่างมาก และเราจะคิดถึงเขาอย่างยิ่ง ชีวิตอายุน้อยสิ้นสุดลงเร็วเกินไปมาก”
นายเปตเตรี ออร์โป นายกรัฐมนตรียังสั่งยกเลิกการทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการทั้งหมดในวันอังคาร และสงบนิ่งไว้อาลัย 1 นาที เพื่อเป็นเกียรติแก่นายเพลโตเนน ผู้ที่เขาระบุว่า เป็นที่รักอย่างยิ่งของเพื่อนร่วมงาน
ทั้งนี้ นายเพลโตเนนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากภูมิภาคอูซีมา (Uusimaa) ทางใต้สุดของประเทศ และนี่เป็นการดำรงตำแหน่ง ส.ส. สมัยแรกของเขา หลังได้รับเลือกตั้งในปี 2566
นายเพลโตเนนเริ่มเดินบนเส้นทางการเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาปกครองเมืองจาร์เวนปา (Jarvenpaa) ตั้งแต่อายุ 18 ปี พออายุได้ 22 ปีเขาก็ได้รับเลือกเป็นประธานบอร์ดบริหารของเมืองที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น
...
เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายเพลโตเนนโพสต์ข้อความบนบัญชีผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนตัวว่า เขาขาดจากงานในรัฐสภามานานหลายสัปดาห์เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับไต จนทำให้เกิดการติดเชื้อ
เขาอธิบายด้วยว่า เขากำลังรับการรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดดำ ในเขตเมลาห์ตี ของกรุงเฮลซิงกิ ซึ่งต้องใช้เวลาสักพัก
“ผมออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมจึงอยู่ในช่วงลาป่วยฤดูร้อน และตอนนี้กำลังตั้งสมาธิอย่างเต็มที่กับการฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยนี้” นายเพลโตเนนระบุในโพสต์ของเขา
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc