โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน โดยนายทรัมป์ย้ำว่า เขาต้องการยุติสงคราม พร้อมรับปากจะรับประกันความมั่นคงให้ยูเครน แต่ยืนยันว่าการหยุดยิงไม่จำเป็น

เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดทำเนียบขาวต้อนรับนายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ที่เดินทางมาเพื่อหารือเรื่องความเป็นไปได้ในการยุติสงครามกับรัสเซีย หลังจากนายทรัมป์ร่วมประชุมสุดยอดกับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเมื่อสัปดาห์ก่อน

ภายในห้องทำงานรูปไข่ นายทรัมป์เริ่มต้นด้วยการขอบคุณนายเซเลนสกีที่เดินทางมาเยือน ขณะที่เซเลนสกีมอบจดหมายจากนางโอเลนา เซเลนสกา สุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งยูเครน ให้แก่เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ โดยเซเลนสกียื่นจดหมายให้นายทรัมป์แล้วจะพูดว่า “ไม่ใช่ของคุณ นี่เป็นของภรรยาคุณ” ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวถามนายทรัมป์เกี่ยวกับถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ของเขา ที่ว่านายเซเลนสกีสามารถยุติสงครามได้ทันทีหากต้องการ ซึ่งนายทรัมป์ย้ำว่า เขาคิดว่ามันเป็นความจริง และรัสเซีย, ยูเครน กับสหรัฐฯ จะจัดการประชุมไตรภาคี ซึ่งมีโอกาสดีที่จะมีการยุติสงคราม

ด้านเซเลนสกีถูกถามว่า เขาจะพิจารณาเรื่องการยอมสละดินแดนหรือไม่ ซึ่งผู้นำยูเครนไม่ตอบคำถามนี้โดยตรงแต่ระบุว่า “เราจำเป็นต้องยุติสงคราม เพื่อหยุดรัสเซีย” และเสริมว่า ชาวยูเครนนั้นเข้มแข็ง และพวกเขาสนับสนุนแผนการที่จะยุติสงครามด้วยวิธีทางการทูตของนายทรัมป์

เซเลนสกีกล่าวด้วยว่า เขาต้องการให้มีการประชุมไตรภาคีร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และรัสเซีย

ด้านนายทรัมป์พูดต่อว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน มีผู้คนมากมายถูกสังหารในสงคราม ซึ่งเขากับเซเลนสกีต้องการเห็นการต่อสู้จบลง และเขาเชื่อว่าปูตินก็คิดแบบเดียวกัน

...

เมื่อนักข่าวถามนายทรัมป์ว่า รัสเซียหรือยูเครนถือไพ่เหนือกว่ากัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็กล่าวว่า เขาไม่อยากตอบคำถามนี้ และเสริมว่า “นี่ไม่ใช่สงครามของผม” ก่อนจะกล่าวโทษอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน อีกครั้ง ที่ไม่หยุดการรุกรานของรัสเซียในปี 2566 พร้อมย้ำว่า สงครามต้องจบลง และเขาอยากให้มันจบลงด้วยดีสำหรับทุกฝ่าย

นักข่าวถามนายทรัมป์ด้วยว่า สหรัฐฯ จะส่งกองกำลังรักษาความสงบชาวอเมริกันไปยังยูเครนเพื่อรับรองข้อตกลงสันติภาพหรือไม่ แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบอย่างคลุมเครือว่า “เราจะทำงานร่วมกับยูเครน เราจะทำงานร่วมกับทุกคน” เพื่อรับประกันว่าสันติภาพจะคงอยู่อย่างยาวนาน

“สหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับทั้งรัสเซียและยูเครน เพื่อทำให้แน่ใจว่ามันสำเร็จ” นายทรัมป์เสริม “หากเราไปจนถึงสันติภาพได้ ผมรู้เลยว่ามันจะสำเร็จ ผมไม่มีข้อสงสัยเลย”

เมื่อนักข่าวถามนายทรัมป์ว่า เขาเข้าใจหรือไม่ว่า “รากของปัญหา” ที่นายปูตินพูดถึงนั้นคืออะไร นายทรัมป์ก็ตอบโดยย้ำว่า สงครามจะต้องจบลง แต่เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อไร และเผยอีกว่า ในบรรดาสงครามทั้งหมดที่เขาหยุดมา เขาเคยคิดว่าสงครามรัสเซียกับยูเครนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่มันไม่ใช่


นักข่าวถามต่อว่า มีผลร้ายแรงตามมาหรือไม่ หากไม่มีการหยุดยิง ซึ่งนายทรัมป์ตอบว่า “ผมไม่คิดว่าคุณจำเป็นต้องมีการหยุดยิง” และเสริมว่า มันอาจจะเป็นเรื่องดีถ้ามีการหยุดยิง แต่มันอาจไม่จำเป็นสำหรับสันติภาพ เพราะในทางยุทธศาสตร์แล้ว ประเทศหนึ่งหรืออีกฝ่ายอาจไม่ต้องการการหยุดยิง

หลังจากนั้น นักข่าวถามเรื่องการรับประกันความมั่นคง และมอบความคุ้มครองคล้ายมาตรา 5 ของนาโตให้แก่ยูเครน ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งนายทรัมป์ยอมรับว่า ยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ แต่สหรัฐฯ จะมอบความคุ้มครองกับความมั่นคงที่ดีมากๆ ให้แก่ยูเครน

นายทรัมป์กล่าวโทษโจ ไบเดน อีกครั้ง หลังถูกถามว่า สหรัฐฯ สามารถมอบเงินและอาวุธให้แก่ยูเครนได้มากแค่ไหน พร้อมอ้างว่า สงครามคงไม่เกิดขึ้นถ้าเขาเป็นประธานาธิบดีในตอนที่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนในปี 2566

ด้านนายเซเลนสกีกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ด้วยความช่วยเหลือจากชาติยุโรปและโครงการอื่นๆ ที่จัดหางบประมาณให้แก่พวกเขา โดยย้ำว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเสริมความแข็งแกร่งและเติมอาวุธให้แก่กองทัพของประเทศ “เราต้องการมันมากๆ”

นักข่าวหันไปถามเซเลนสกีบ้าง ว่าเขาต้องการสิ่งใดจากสหรัฐฯ เพื่อรับประกันความมั่นคงของยูเครน ทหาร, ข่าวกรอง หรือยุทโธปกรณ์?

ผู้นำยูเครนตอบว่า “ทุกอย่าง” ยูเครนต้องการกองทัพที่เข้มแข็ง มันเป็นเรื่องของอาวุธ, ผู้คน, การฝึกฝน, ข่าวกรอง ซึ่งเขาจะหารือกับชาติพันธมิตร กลุ่มประเทศขนาดใหญ่ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ ด้วย

นักข่าวกลับไปถามนายทรัมป์ต่อว่า มีส่วนใดในการประชุมสุดยอดกับนายปูตินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ส.ค.) ที่ทำให้เขาผิดหวังหรือไม่ ซึ่งนายทรัมป์ตอบว่า เขาแค่พูดกับปูตินทางอ้อม และพวกเขาจะคุยกันทางโทรศัพท์หลังการประชุมนี้

...

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า การประชุมไตรภาคีอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ โดยหากมันไม่เกิดขึ้น การต่อสู้ก็จะดำเนินต่อไป แต่หากมันเกิดขึ้น ก็จะมีโอกาสดีที่จะหยุดสงคราม

จากนั้นนายทรัมป์ก็กล่าวขอบคุณบรรดาผู้สื่อข่าว ก่อนที่พวกเขาจะถูกพาออกจากห้องเพื่อให้นายทรัมป์กับนายเซเลนสกีได้หารือกันต่อไป


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc