ออสเตรเลียเตรียมดำเนินการรับรองสถานะของรัฐปาเลสไตน์ ในการประชุมสหประชาชาติครั้งต่อไปในเดือนกันยายน เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และแคนาดา
รัฐบาลออสเตรเลียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ได้ประกาศนโยบายครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยการเตรียมให้การรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์ อย่างเป็นทางการในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่ากลุ่มฮามาสจะต้องไม่มีบทบาทในการบริหารในอนาคต
นายอัลบาเนซีกล่าวว่า การรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็น "ความหวังที่ดีที่สุดของมนุษยชาติ" ในการยุติวงจรความรุนแรงในตะวันออกกลางและบรรเทาความทุกข์ยากในฉนวนกาซา เขายืนยันว่าออสเตรเลียจะทำงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อให้การรับรองนี้เกิดขึ้นจริง
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยว่า การตัดสินใจครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของคำมั่นสัญญาที่ได้รับจาก องค์การบริหารปาเลสไตน์ (Palestinian Authority) ซึ่งรวมถึงการรับรองสิทธิการมีอยู่ของอิสราเอล, การลดกำลังทหาร, และการจัดการเลือกตั้งทั่วไป โดยนายอัลบาเนซีเน้นย้ำว่าโลกไม่สามารถรอให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เอง เพราะความสูญเสียจากสถานการณ์ปัจจุบันกำลังเพิ่มขึ้นทุกวัน
ด้านนางเพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่านานกว่า 77 ปีแล้วที่ประชาคมโลกได้ให้คำมั่นกับรัฐปาเลสไตน์ แต่กระบวนการสันติภาพกลับหยุดชะงักลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 การรับรองจึงเป็น "การมีส่วนร่วมเชิงปฏิบัติ" เพื่อสร้างแรงผลักดันใหม่ให้กับสันติภาพในภูมิภาค
นายอัลบาเนซียังเปิดเผยว่าได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลอย่างตรงไปตรงมา และชี้แจงว่าสถานการณ์ในฉนวนกาซาเลวร้ายเกินกว่าที่คาดคิดไว้มาก มีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องสังเวยชีวิต รัฐบาลอิสราเอลยังคงเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศและขัดขวางการเข้าถึงความช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับชาวปาเลสไตน์ที่สิ้นหวัง
...
ก่อนหน้านี้ นายเนทันยาฮูได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ โดยกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ "หลงผิด" หากคิดว่าการรับรองรัฐปาเลสไตน์จะนำมาซึ่งสันติภาพ และเป็นการกระทำที่ "น่าละอาย" แต่ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจุดยืนของอิสราเอลได้
การเคลื่อนไหวของออสเตรเลียครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทางของพันธมิตรหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และแคนาดา ซึ่งต่างก็แสดงเจตจำนงที่จะรับรองรัฐปาเลสไตน์ในเดือนกันยายนเช่นกัน โดยมีเงื่อนไขคล้ายคลึงกันคือ กลุ่มฮามาสจะต้องไม่มีส่วนร่วมในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ยังคงมี อำนาจยับยั้งหรือวีโต้การรับรองนี้ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวว่าการรับรองรัฐปาเลสไตน์ในเวลานี้เป็นการ "ให้รางวัล" แก่กลุ่มฮามาสจากเหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023
ปัจจุบันมี 147 จาก 193 ประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่รับรองปาเลสไตน์เป็นรัฐอธิปไตยแล้ว การที่ออสเตรเลียจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในนั้นจึงถือเป็นช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่จะเพิ่มแรงกดดันต่ออิสราเอลและสหรัฐฯ ให้หาทางออกสำหรับสันติภาพอย่างถาวรในภูมิภาคนี้ต่อไป.
ที่มา ABC News