นักวิเคราะห์ชี้ "อันวาร์" สามารถพลิกวิกฤติมรสุมการเมืองภายในที่ถูกหลายฝ่ายรุมกดดันให้ลาออก หลังใช้บทบาทตัวกลางเจรจาสงบศึกกัมพูชา-ไทยเป็นไพ่ตาย
วันที่ 8 สิงหาคม 2568 เว็บไซต์ข่าวชาแนล นิวส์ เอเชีย เผยแพร่บทวิเคราะห์การเมืองมาเลเซียที่ระบุว่า ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ต้องเผชิญมรสุมแรงกดดันทั้งจากในและนอกสภา โดยกระแสไม่พอใจปะทุจากหลายปัจจัย ทั้งข้อครหาว่าแทรกแซงกระบวนการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุด จนทนายความหลายร้อยคนรวมตัวเดินขบวนที่ปุตราจายา เพื่อเรียกร้องความโปร่งใส รวมถึงการขยายภาษีขายและบริการ (SST) ไปยังสินค้า–บริการเพิ่มขึ้น สร้างแรงต้านจากประชาชนและเป็นช่องให้ฝ่ายค้านโจมตีหนัก
โดยนายเจมส์ ไช นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า สถานการณ์ยังซ้ำร้าย เมื่อสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากมาเลเซีย 1% เป็น 25% แม้รัฐบาลพยายามเจรจาลดอัตราแล้วก็ตาม ขณะเดียวกันมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 100 ปี ออกมาเรียกร้องให้อันวาร์ลาออก เปิดทางให้ฝ่ายค้านกลุ่ม "เปอริกาตัน นาซิออนนาล" จัดชุมนุมขับไล่อันวาร์ลงจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 26 ก.ค. อย่างไรก็ตามจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมจะต่ำกว่าที่คาดและจำกัดอยู่ในฐานเสียงเดิมของฝ่ายค้าน
ขณะที่่ไพ่เด็ดของอันวาร์ถูกนำมาใช้ในจังหวะสุดท้าย เมื่อวิกฤติชายแดนกัมพูชา–ไทยปะทุถึงขั้นเกิดการปะทะกัน ทำให้บทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนถูกจับตา และนายอันวาร์ใช้โอกาสนี้เชิญผู้นำทั้งสองประเทศบินไปเจรจาที่กัวลาลัมเปอร์ ก่อนลงนามในข้อตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข หลังการสู้รบ 5 วัน
แม้ยังมีเหตุปะทะประปรายในวันต่อมา แต่กองทัพสองฝ่ายได้ตั้งช่องทางสื่อสารตรง และผู้ลี้ภัยเริ่มทยอยกลับบ้าน ถือเป็นความสำเร็จเชิงภาพลักษณ์ที่ช่วยตัดกระแสไล่ออกจากตำแหน่งลงได้อย่างชัดเจน
...
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า แม้อันวาร์จะรอดศึกครั้งนี้ แต่ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ตลอดจนคำถามเรื่องความเป็นอิสระของตุลาการ และแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ยังเป็นกับดัก ที่รอการทดสอบต่อไป
ที่มา Channelnewsasia