รัฐบาลเมียนมาเซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มูลค่ากว่า 108 ล้านบาทต่อปี เพื่อทำงานประชาสัมพันธ์ผลักดันฟื้นความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เมียนมา ก่อนการเลือกตั้งที่วางแผนจัดปลายปีนี้

วันที่ 8 สิงหาคม 2568 เว็บไซต์ข่าวอิรวดีรายงานข่าวอ้างอิงเอกสารภายใต้กฎหมายว่าด้วยการขึ้นทะเบียนตัวแทนของรัฐบาลต่างชาติ (US Foreign Agents Registration Act - FARA) ซึ่งระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้เซ็นสัญญาว่าจ้าง "DCI Group" บริษัทล็อบบี้ที่มีสำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 108 ล้านบาท เพื่อทำงานประชาสัมพันธ์และผลักดันให้มีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเมียนมา ก่อนการเลือกตั้งเมียนมาที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย วางแผนจัดขึ้นปลายปีนี้ ซึ่งถูกนานาชาติวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการจัดฉากเลือกตั้งเพื่อให้มีการสืบทอดอำนาจทหารต่อไป

ตามเอกสารนี้ยังระบุว่า ข้อตกลงฉบับนี้ได้มีการลงนามเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม โดยนายจัสติน ปีเตอร์สัน หุ้นส่วนผู้จัดการ DCI Group และนายวิน จ่อ อ่อง ปลัดกระทรวงสารสนเทศเมียนมา มีผลบังคับใช้ 1 ปี โดยรัฐบาลทหารต้องชำระเป็น 2 งวด ซึ่งงวดแรกเป็นจำนวนเงิน 1.5 ล้านดอลลาร์เมื่อเซ็นสัญญา และอีกงวดต้องชำระก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2025

โดยรายงานข่าวระบุว่า บริษัท DCI Group มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรครีพับลิกัน และเคยรับงานจากรัฐบาลทหารเมียนมาในปี 2545 เพื่อผลักดันให้สหรัฐฯ เปิดเจรจา ทั้งยังเคยทำแคมเปญประชาสัมพันธ์เพื่อปรับภาพลักษณ์กองทัพ แต่ถูกเปิดโปงในปี 2551

ทางด้านกลุ่มเคลื่อนไหว Justice for Myanmar ออกแถลงการณ์ประณามว่า "ไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อใดจะสามารถล้างเลือดออกจากมือของกองทัพเมียนมาได้" พร้อมโจมตีบริษัท DCI ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลที่ก่ออาชญากรรมโดยไม่ต้องรับโทษ

...

ขณะที่ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ส่งจดหมายถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขอให้พิจารณายกเลิกหรือผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจ และขอลดภาษีศุลกากรเหลือ 10–20% หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้าจากเมียนมาถึง 40% ซึ่งเริ่มมีผลเมื่อ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา

ที่มา Irrawaddy