ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เพื่อเจรจาการค้าครั้งสุดท้าย ก่อนที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้กำแพงภาษี 39% กับสินค้าที่นำเข้าจากสวิส

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 6 ส.ค. 2568 นางคาริน เคลเลอร์-ซัตเตอร์ ประธานาธิบดีแห่งสวิตเซอร์แลนด์ เข้าพบนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ หวังเจรจาเฮือกสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีสูงถึง 39% ที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้กับสินค้านำเข้าของพวกเขาในวันที่ 7 ส.ค.เป็นต้นไป

คาดกันว่า อัตราภาษีมหาศาลดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก โดยคณะผู้แทนของสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงนาย กาย พาร์เมลิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธุรกิจ เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันอังคาร เพื่อเจรจาการครั้งสุดท้าย

นางเคลเลอร์-ซัตเตอร์ กล่าวหลังการประชุมว่า การหารือเป็นไปอย่างเป็นมิตรและเปิดกว้าง และเธอไม่ได้เปิดเผยว่า สวิตเซอร์แลนด์ให้คำสัญญาอะไรกับสหรัฐฯ หรือไม่ ขณะที่แหล่งข่าวบอกว่า เธอจะไม่ได้เข้าพบประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการค้าคนอื่นๆ

แหล่งข่าวบอกอีกว่า คณะผู้แทนของสวิสเตรียมจะออกจากวอชิงตันโดยไม่มีข้อตกลงใดๆ และคณะรัฐมนตรีของพวกเขาจะจัดการประชุมในวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์นี้

“เรามาด้วยความตั้งใจที่จะเสนอแนวคิดใหม่ๆ ให้แก่รัฐบาลอเมริกัน เพื่อแก้ไขเรื่องกำแพงภาษี ซึ่งเราได้ทำแล้ว” แหล่งข่าวระบุ “เราพร้อมสำหรับการเจรจาที่จะดำเนินต่อไปแล้ว”

มีรายงานว่า สหรัฐฯ ต้องการให้สวิตเซอร์แลนด์ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และพลังงานอย่างก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อแลกกับการลดอัตราภาษี ซึ่งนายพาร์เมลินกล่าวก่อนหน้านี้ว่า สหภาพยุโรปก็สัญญาจะซื้อก๊าซ LNG จากสหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ก็จะนำเข้า LNG เช่นกัน ซึ่งนั่นอาจเป็นหนทางหนึ่ง

...

ในด้านอาวุธ ปัจจุบันสวิตเซอร์แลนด์ซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารจากสหรัฐฯ อยู่แล้ว และสัญญาจะซื้อเครื่องบินรบ F-35A Lightning II จากบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ในข้อตกลงมูลค่า 6 พันล้านฟรังส์สวิส

อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้าทางการค้ากับสหรัฐฯ ล่าสุด ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องจากนักการเมืองสวิสบางคน ให้ยกเลิกคำสั่งซื้อ F-35 เพื่อตอบโต้ หากสหรัฐฯ บังคับใช้กำแพงภาษี

ทั้งนี้ มีรายงานว่าสวิตเซอร์แลนด์กับสหรัฐฯ บรรลุร่างข้อตกลงร่วมกันในเดือนกรกฎาคม โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสวิสในอัตรา 10% แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน นายทรัมป์ปรับอัตราขึ้นไปสูงถึง 39% หลังจาก “การพูดคุยทางโทรศัพท์ที่ยากลำบาก” กับนางเคลเลอร์-ซัตเตอร์

แหล่งข่าวในสวิตเซอร์แลนด์ปฏิเสธเรื่องการพังทลายของความสัมพันธ์ แต่ยอมรับว่า การสนทนาดังกล่าวไม่เป็นไปด้วยดีเลย

อนึ่ง สหรัฐฯ เป็นเป้าหมายการส่งออกสินค้าหลายอย่างของสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึง นาฬิกา, เครื่องจักร และช็อกโกแลต ซึ่งทั้งหมดจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอัตราภาษี 39% ซึ่งสูงกว่าอัตราของชาติคู่แข่งเกินกว่าเท่าตัว สมาคมธุรกิจต่างๆ ในสวิสเตือนว่า หากปล่อยเช่นนี้ ประชาชนหลายหมื่นคนเสี่ยงที่จะตกงาน

ธุรกิจชีสของสวิสอยู่ในสถานการณ์น่ากังวลเป็นพิเศษ เนื่องจากในปี 2567 ชีสทั้งหมดที่พวกเขาส่งออก มี 11% ที่ขายให้สหรัฐฯ


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : cna