วันที่ 1 ส.ค.68 ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะสหรัฐฯประกาศอัตราภาษีตอบโต้ที่จะจัดเก็บจากสินค้านำเข้าของไทยที่ 19% มีผลใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.นี้เป็นต้นไป

แม้ต่ำกว่าที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศครั้งแรกที่ 36% แต่ถือว่า 19% สูงมาก เพราะปัจจุบันสหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยและทั่วโลกเฉลี่ย 3-5% ส่งผลให้สินค้าไทยที่จะเข้าสู่สหรัฐฯต้องเสียภาษี ทั้งภาษีปกติ 3-5% และภาษีตอบโต้ 19% เป็น 22-24%

แม้ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่ตบเท้าขอบคุณ “นายพิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง “หัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย” หรือ “ทีมไทยแลนด์” ระบุว่า ยังสามารถแข่งขันได้ ไม่เสียเปรียบคู่แข่ง ที่ส่วนใหญ่ถูกเก็บภาษีใกล้เคียงกัน ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ที่ 19% หรือเวียดนาม 20%

แต่เอสเอ็มอีที่ส่งออกไปสหรัฐฯราวๆ 2 ล้านราย ถือว่าสาหัส!! เพราะส่วนใหญ่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Bay, Amazon ฯลฯ โดยไม่เสียภาษีนำเข้า เพราะส่งออกน้อยชิ้นหรือบางรายมีคำสั่งซื้อเข้ามาก็เสียภาษีต่ำ บางสินค้าไม่เสียภาษีเลย แต่เมื่อถูกเก็บเพิ่มขึ้นที่ 19% ก็อาจเสียความสามารถในการแข่งขัน เพราะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น และต้องตั้งราคาขายสูงขึ้น

นอกจากนี้ เอสเอ็มอียังจะต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้าราคาต่ำ (de minimis tariff) ที่สหรัฐฯเตรียมเก็บกับสินค้าซื้อขายออนไลน์ มูลค่าไม่เกิน 800 เหรียญสหรัฐฯ (26,143 บาท) ซึ่งจัดส่งเข้าประเทศไม่ผ่านไปรษณีย์ ต้องชำระภาษีนำเข้าทั้งหมด เริ่มวันที่ 29 ส.ค.68 จากก่อนหน้านี้ยกเว้น จึงขอให้รัฐช่วยด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังปิดดีลภาษีไทย 19% แล้ว ยังไม่ถือว่าเจรจาเสร็จสิ้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละเรื่องอีกมาก ที่ต้องเจรจาลงลึกต่อ ซึ่งจากนี้ทั้ง 2 ฝ่ายจะลงนามใน “แถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐฯ” เพื่อประกาศเดินหน้าเจรจาต่อไป และหลังจากนั้นรอให้สหรัฐฯนัดวัน เวลา เพื่อลุยเจรจาต่อ เมื่อเจรจาเสร็จสิ้นจะจัดทำเป็น “ความตกลงว่าด้วยภาษีตอบโต้ไทย-สหรัฐฯ” และลงนามร่วมกัน

...

สำหรับการเจรจาเจาะลึกประเด็นต่างๆ เช่น การลดภาษีเป็น 0% ให้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯกว่า 90% ของรายการสินค้าที่ค้าขายระหว่างกันกว่า 10,000 รายการ หรือคิดเป็นกว่า 9,000 รายการ ซึ่งต้องลงลึกว่าแต่ละสินค้าจะมีรูปแบบลดภาษีอย่างไร เช่น ลดเป็น 0% ทันที หรือทยอยลดภาษี เพื่อขอเวลาให้เกษตรกร ผู้ประกอบการไทยปรับตัว หรือจำกัดปริมาณการนำเข้า

กฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่จะกำหนดสัดส่วนใช้วัตถุดิบในไทย (Local Content) เท่าไรหรือถิ่นกำเนิดสะสมที่จะใช้วัตถุดิบของไทย ของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรอื่นรวมกันได้เท่าไร จึงจะเสียภาษีนำเข้า 19% การป้องกันสินค้าจากประเทศอื่นเข้ามาแอบอ้างถิ่นกำเนิดไทย ส่งออกต่อไปสหรัฐฯ เป็นต้น

แต่ทีมเจรจายืนยันว่า ไม่ว่าเจรจาอะไรกับสหรัฐฯจะต้องหารือ และรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก่อน ไม่ทำอะไรลับหลัง อีกทั้งต้องขอความเห็นชอบจาก ครม. และรัฐสภา ก่อนลงนามความตกลงกับสหรัฐฯ ที่จะมีผลผูกพันทางกฎหมาย ขอให้คนไทยสบายใจได้

ส่วนผู้ได้รับผลกระทบไม่ถูกทิ้งแน่นอน รัฐเตรียมเยียวยาแล้ว แต่จะถูกใจหรือไม่ รอดู!!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม