รัฐเทนเนสซี ของสหรัฐฯ ประหารชีวิตนักโทษชายวัย 69 ปี โดยไม่ช่วยปิดเครื่องกระตุ้นหัวใจให้ กลุ่มสิทธิฯ ชี้ทำให้เกิดภาวะตายแล้วฟื้นวนลูป ถือเป็นการทรมาน ผิดหลักมนุษยธรรม

วันที่ 6 สิงหาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ ดำเนินการประหารชีวิตนายไบรอน แบล็ก นักโทษชายวัย 69 ปี ด้วยการฉีดยาพิษเข้าร่างกาย โดยไม่ได้ปิดการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดฝังในร่างกาย (Implantable Cardioverter Defibrillator: ICD) ท่ามกลางความกังวลว่าอุปกรณ์กระตุ้นหัวใจอาจช็อกหัวใจให้กลับมาทำงานอีก หลังยาพิษออกฤทธิ์ ซึ่งทำให้เกิดภาวะตายแล้วฟื้นวนลูป เจ็บปวดทรมานเกินความจำเป็น

รายงานข่าวระบุว่า นักโทษรายนี้มีอาการป่วยเรื้อรังหลายโรค รวมถึงภาวะสมองเสื่อม ไตวาย หัวใจล้มเหลว ต้องนั่งรถเข็น และใส่เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจแบบฝังในร่างกาย โดยทีมทนายความได้ยื่นเรื่องขอให้ศาลสั่งปิด ICD ก่อนการประหาร เนื่องจากอาจกระตุ้นหัวใจโดยไม่จำเป็น แต่คำสั่งดังกล่าวถูกศาลฎีกาของรัฐเทนเนสซีเพิกถอนเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า "ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจออกคำสั่ง"

ขณะที่ องค์กรศูนย์ข้อมูลโทษประหารชีวิตของสหรัฐฯ (Death Penalty Information Center) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยพบกรณีใดในอดีตที่มีการประหารนักโทษซึ่งฝัง ICD อยู่ในร่างโดยไม่ปิดการทำงานมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐยืนยันว่าการฉีดยาพิษจะไม่กระตุ้น ICD ให้ทำงาน และผู้ต้องขังก็จะไม่รับรู้ความเจ็บปวดใดๆ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่า เป็นการดำเนินการที่เสี่ยงต่อการละเมิดหลักมนุษยธรรม

ทั้งนี้ นายแบล็กถูกตัดสินประหารชีวิตในคดีฆาตกรรมหญิงคนรักวัย 29 ปี และลูกสาวของเธออีก 2 คน วัย 9 ขวบ และ 6 ขวบ ในปี 2531 โดยเขาลงมือสังหารที่บ้านพักของฝ่ายหญิง ขณะอยู่ระหว่างโครงการปล่อยตัวชั่วคราวจากคุกเพื่อไปทำงาน (work-release program) จากโทษจำคุกเดิมในคดียิงสามีเก่าของฝ่ายหญิง.

...