โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ เตรียมตั้งกำแพงภาษีกับยาที่นำเข้ามาในประเทศ โดยจะเพิ่มอัตราขึ้นเรื่อยๆ จนไปสุดที่ 250% เพื่อส่งเสริมการผลิตในประเทศ
เมื่อวันอังคารที่ 5 ส.ค. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับสำนักข่าว ซีเอ็นบีซี (CNBC) ว่าสหรัฐฯ จะตั้ง "กำแพงภาษีขนาดเล็ก" กับผลิตภัณฑ์ยาที่นำเข้ามาในประเทศ ก่อนจะเพิ่มอัตราภาษีเป็น 150% ภายใน 18 เดือน และสุดท้ายจะเพิ่มเป็น 250% โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการผลิตในประเทศ
"ใน 1 ปี 1 ปีครึ่งอย่างมาก มันจะเพิ่มขึ้นเป็น 150% แล้วจากนั้นจะเพิ่มเป็น 250% เพราะเราต้องการให้ยาผลิตในประเทศของเรา" โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ ซีเอ็นบีซี
นายทรัมป์ไม่ได้ระบุว่า อัตราภาษีเริ่มต้นมีอัตราเท่าไร แต่เขาเคยพูดเอาไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ภาษียากับเซมิคอนดักเตอร์จะเริ่มที่ 25% หรืออาจจะสูงกว่านั้น และจะเพิ่มขึ้นอย่างมากภายใน 1 ปี ต่อมาในเดือนกรกฎาคมนายทรัมป์กล่าวว่า ภาษียานำเข้าอาจเพิ่มขึ้นไปสูงถึง 200%
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยด้วยว่า เขาวางแผนจะประกาศอัตราภาษีศุลกากรสำหรับเซมิคอนดักเตอร์และชิปคอมพิวเตอร์ในสัปดาห์หน้าหรือประมาณนั้น แต่เขาไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ดำเนินการทบทวนด้านความมั่นคงแห่งชาติในภาคเภสัชกรรม และอุตสาหกรรมนี้กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่จะมีการกำหนดอัตราภาษีสำหรับภาคส่วนนี้โดยเฉพาะ แต่รัฐบาลยังไม่ประกาศว่า จะเผยแพร่ผลการทบทวนออกมาเมื่อไร
ขณะเดียวกัน กรอบข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรปในปัจจุบัน กำหนดอัตราภาษียากับเซมิคอนดักเตอร์ไว้ที่ 0% แต่หากสหรัฐฯ ตัดสินใจเพิ่มอัตราภาษีหลังผลการทบทวนออกมา อัตราจะถูกจำกัดไว้ที่ 15%
...
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna