สำนักข่าว FRESH NEWS ของกัมพูชา รายงานอ้างไทยมีแผนลอบสังหาร "ฮุน เซน-ฮุน มาเนต" ระบุไทยจะใช้ระเบิดนำวิถีด้วย GPS จากเกาหลีใต้ โดยยิงจากเครื่องบิน AT-6 TH
FRESH NEWS กล่าวว่า จากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่น่าเชื่อถือแห่งหนึ่ง ระบุว่า ข่าวกรองต่างประเทศรายงานว่า ประเทศไทยกำลังวางแผนลอบสังหาร ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยใช้เครื่องบินโจมตีเบาแบบ AT-6TH ซึ่งติดตั้งระเบิดนำวิถีด้วยระบบ GPS จากเกาหลีใต้ เครื่องบินรุ่นนี้ถูกมองว่าตรวจจับได้ยากกว่าเครื่องบินขับไล่ F-16 ทั่วไป และถูกปรับแต่งมาเพื่อการจู่โจมแบบลับ ๆ และการโจมตีเป้าหมายที่แม่นยำ
ตามรายงานของแหล่งข่าว ประเทศไทยได้รับมอบเครื่องบิน AT-6TH จำนวน 8 ลำ, ระเบิดนำวิถีด้วยระบบ GPS จำนวน 200 ลูก และเครื่องบินเพิ่มเติมอีก 4 ลำซึ่งเป็นเครื่องบินใหม่หรือได้รับการปรับปรุงจากเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กระสุนเหล่านี้มีรายงานว่ามีความแม่นยำสูงในการโจมตีเป้าหมาย ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงหากมีการนำไปใช้
แผนปฏิบัติการดังกล่าวระบุถึงการทดลองใช้เครื่องบินที่เขาพนมตรบ (Phnom Trop) เพื่อประเมินสมรรถนะของเครื่องบิน และตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม มีรายงานว่ากองทัพไทยได้ประเมินสถานการณ์ในสนามรบตามแนวชายแดน หากไม่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่พิพาท 8 แห่งได้ กองทัพอากาศไทยคาดว่าจะเริ่มปฏิบัติการลอบสังหารจากฐานทัพอากาศในจังหวัดตราด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับโดยระบบป้องกันภัยทางทะเลของกัมพูชา
การปฏิบัติการดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับข้อมูลข่าวกรองที่รวบรวมได้จากภายในประเทศกัมพูชา รวมถึงพิกัดที่อยู่อาศัยที่แม่นยำของทั้ง สมเด็จเดโช ฮุน เซน และนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ระเบิดนำวิถีด้วยระบบ GPS เพื่อกำจัดผู้นำทั้งสองโดยตรง
...
เกี่ยวกับการรายงานข่าว และโพสต์บนโซเชียลมีเดียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาว่า ฝ่ายไทยกำลังวางแผนลอบสังหารประธานวุฒิสภา ฮุน เซน และนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต โดยอ้างแหล่งข่าวกรองต่างประเทศนั้น นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งขาดการไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลโดยสิ้นเชิง โดยข้อกล่าวหาดังกล่าว มีเจตนาเพียงเพื่อใส่ร้ายไทยเท่านั้น
ทั้งนี้ ขอย้ำว่า การสร้างข่าวเท็จในขณะที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการหารือ GBC นั้น นอกจากจะไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการทำลายเจตนารมณ์ของการหารือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อย่างสันติด้วย.
ที่มา FRESH NEWS