สหรัฐฯ จะเริ่มบังคับใช้อัตราภาษีใหม่กับประเทศคู่ค้าทั่วโลกในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เลื่อนจากวันที่ 1 เพื่อให้กรมศุลกากรมีเวลาเปลี่ยนแปลงเพื่อการเก็บภาษีใหม่นี้
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เพิ่งประกาศอัตราภาษีต่างตอบแทนใหม่เมื่อกลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 31 ก.ค. 2568 รวมทั้งแผนภาษีใหม่
ทำเนียบขาวระบุว่า พวกเขาจะเก็บภาษีพื้นฐาน (baseline tariff) หรือภาษีครอบจักรวาล (universal tariff) กับสินค้าที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 10% ตามเดิม เหมือนกับที่ประกาศเมื่อ 2 เม.ย. แต่ภาษีนี้จะส่งผลกับประเทศที่สหรัฐฯ “เกินดุล” การค้า หรือสหรัฐฯ ส่งออกมากกว่านำเข้าเท่านั้น
ส่วนแผนภาษีใหม่ ซึ่งเดิมเรียกว่าภาษีต่างตอบแทน จะกำหนดอัตราภาษีต่ำสุดไว้ที่ 15% โดยจะบังคับใช้กับประเทศที่สหรัฐฯ “ขาดดุล” การค้า โดยมีประมาณ 40 ประเทศที่เผชิญกำแพงภาษีใหม่อัตรา 15% นี้ ทำให้หลายประเทศถูกเก็บภาษีในอัตราต่ำกว่าตอนที่ประกาศเมื่อ 2 เม.ย. ในฐานะภาษีต่างตอบแทน
ขณะเดียวกัน มีหลายสิบประเทศที่ถูกตั้งอัตราภาษีสูงกว่า 15% ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขาทำข้อตกลงกรอบการค้าใหม่กับสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราภาษีที่สูงกว่านี้ไปแล้ว หรือเป็นเพราะโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีให้พวกเขาก่อนหน้านี้ โดยประเทศเหล่านี้ล้วนเป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าในปริมาณมาก
รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศด้วยว่า อัตราภาษีใหม่นี้จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 7 ส.ค. 2568 แทนที่จะเป็นวันที่ 1 ส.ค. ตามเส้นตายที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้เวลากรมศุลกากรและคุ้มกันชายแดน (CBP) มีเวลาเพียงพอเพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นสำหรับเก็บภาษีศุลกากรในอัตราใหม่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ชาติอาเซียนเกือบทั้งหมดอยู่ในกลุ่มประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าด้วย ทำให้ถูกเก็บภาษีในอัตราสูงกว่า 15% โดยที่ไทยถูกตั้งกำแพงภาษีไว้ที่ 19% เช่นเดียวกับกัมพูชา, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ขณะที่เวียดนามโดนเก็บ 20% บรูไน 25% ลาวกับเมียนมาโดนภาษีอัตราสูงถึง 40% ส่วนสิงคโปร์เก็บภาษีพื้นฐาน 10%
...
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cnn