IMF ปรับเพิ่มตัวเลขแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกให้สูงขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้ในเดือนเมษายน หลังความตึงเครียดเรื่องภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐฯ ในบางประเทศลดลง
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกใหม่ โดยปรับเพิ่มจากตัวเลขที่พวกเขาเคยทำนายไว้เมื่อเดือนเมษายน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาษีต่างตอบแทนที่สหรัฐฯ บังคับใช้กับบางประเทศมีอัตราลดลง
IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโต 3% ในปี 2568 และ 3.1% ในปี 2569 เพิ่มขึ้นจาก 2.8% กับ 3% ที่พวกเขาทำนายไว้ในเดือนเมษายน
อย่างไรก็ดี ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดก็ยังต่ำกว่าอัตรา 3.3% สำหรับทั้ง 2 ปีที่ IMF คาดในเดือนมกราคม ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และต่ำกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ย 3.7% ในช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19
IMF ระบุว่า การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทต่างๆ พยายามรีบนำเข้าสินค้าก่อนที่อัตราภาษีที่สูงขึ้นจะเริ่มบังคับใช้ กับมาตรการต่างๆ ของบางรัฐบาลเพื่อส่งเสริมการเติบโต ก็มีส่วนทำให้ IMF ปรับเพิ่มตัวเลขแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ
แต่อัตราภาษีที่สูงกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นก็อาจนำไปสู่การเติบโตที่อ่อนแอลง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ช้าลงได้ เนื่องจากบริษัทต่างๆ อาจมีของในสต็อกมากเกินไปจนการนำเข้าในอนาคตไม่จำเป็น นอกจากนั้นบริษัทต่างๆ อาจต้องจ่ายค่าเก็บรักษาสินค้ามากขึ้น และมีความเสี่ยงที่สินค้าที่รีบนำเข้ามาจะกลายเป็นสินค้าเก่าด้วย
นายปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ระบุว่า แม้ความตึงเครียดทางการค้าจะลดลงในระดับปานกลาง แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางและจะได้รับบาดเจ็บจากอัตราภาษีต่อไป แม้จะไม่เลวร้ายเท่าที่ควรจะเป็นก็ตาม ขณะที่แรงหนุนจากการเร่งนำเข้าล่วงหน้าก็กำลังจะหมดไปแล้ว มีความเสี่ยงถ่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 จนเข้าสู่ปี 2569
...
IMF คาดการณ์ด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อโลกจะลดลงสู่ 4.2% ในปี 2568 และ 3.6% ในปี 2569 แต่เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ก็อาจจะยังสูงกว่าเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ เนื่องจากภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc