น้ำท่วมที่เกิดจากฝนที่ตกหนักจากพายุมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ หรือที่เรียกว่า "ฮาบากัต"  ทำให้กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์อยู่ในสภาพหยุดชะงัก ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนหลายหมื่นคน และเชื่อว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 2 คน

โรงเรียนและหน่วยงานราชการในกรุงมะนิลาและจังหวัดโดยรอบถูกปิดทำการหลังจากฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ค.) จนทำให้แม่น้ำมาริกินาเอ่อล้นตลิ่ง ประชาชนกว่า 23,000 คนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำต้องอพยพออกไปในช่วงกลางคืน โดยต้องหลบภัยอยู่ในโรงเรียน ศาลาประชาคม และลานบ้านที่มีหลังคาคลุม และอีก 25,000 คนถูกอพยพออกจากเมืองเกซอนและเมืองกาลูกันในเขตมหานคร



ด้านทำเนียบประธานาธิบดี ได้สั่งระงับการเตรียมการทั้งหมดสำหรับการแถลงนโยบายประจำปีครั้งที่ 4 ของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมรุนแรง  และสั่งระงับการเรียนการสอนและงานราชการในเขตมหานครมะนิลาและอีกหลายจังหวัดในวันพุธที่ 23 กรกฎาคม เนื่องจากฝนตกหนักจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

...



ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินกล่าวหญิงชราคนหนึ่งและคนขับรถถูกพัดลงไปในลำธารที่น้ำเอ่อล้น ขณะพยายามข้ามสะพานในเมืองกาลูกัน ด้านสำนักงานกู้ภัยมาริกินา ระบุว่าระดับน้ำในแม่น้ำสูงถึง 18 เมตร แม้ระดับน้ำท่วมเริ่มลดลงในเช้าวันอังคาร แม้ว่าประชาชนหลายพันคนยังคงไม่สามารถกลับบ้านได้

สภาการจัดการและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติระบุว่า ฝนมรสุมที่ตกหนักต่อเนื่องได้คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 3 ราย และสูญหายอีก 7 รายในภาคกลางและภาคใต้ของฟิลิปปินส์ นับตั้งแต่พายุวิภาเคลื่อนตัวผ่านประเทศเมื่อวันที่ 18 ก.ค.

ทั้งนี้ พายุหรือไต้ฝุ่นอย่างน้อย 20 ลูกพัดเข้าหรือเข้าใกล้ฟิลิปปินส์ในแต่ละปี โดยภูมิภาคที่ยากจนที่สุดของประเทศมักได้รับผลกระทบหนักที่สุด.


ที่มา CNA ABS-CBN